วันเดย์ทริปเบลเยียม ครบรสเมืองมรดกโลก : หลากหลาย
โดย พัทธ์ธีรา วงษ์อัศวกรณ์
วันเดย์ทริปเบลเยียม ครบรสเมืองมรดกโลก : หลากหลาย – มีโอกาสกลับมาเยือนเบลเยียมอีกครั้ง หลังจากเมื่อ 21 เม.ย.2558 มางานซีฟู้ดเอ็กซ์โป กับบริษัทเอกชนผู้ส่งออกทูน่าอันดับ 1 ของโลก
ครั้งนี้ร่วมคณะกับ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการแก้ปัญหาการ ทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (ไอยูยู) เป็นหัวหน้าคณะทำงานของไทย ร่วมหารือทวิภาคีความร่วมมือด้านการประมงไทย-สหภาพยุโรป
งานสำคัญคือ การร่วมรับฟังแถลงการณ์ของนายเคอเมนู เวลลา กรรมาธิการยุโรปด้านสิ่งแวดล้อม กิจการทางทะเล และประมง ประกาศปลดใบเหลืองการประมงให้กับไทยและให้ใบเขียว ที่สำนักงานใหญ่คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป(อียู) กรุงบรัสเซลส์ เมื่อวันที่ 8 ม.ค.2561
อีกมุมของจัตุรัส กรองด์ ปลาซ
เมื่อเป็นทริปสั้นๆ 3 วัน 3 คืน ก่อนร่วมงานสำคัญจึงมีเวลาเที่ยวชมเมืองเพียง 6 ชั่วโมง
เป้าหมายเมืองที่จะไปเยือน ใช้เวลาไป-กลับไม่เกิน 3 ชั่วโมง คือ เมืองบรูช (Bruges) เมืองโบราณที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก เมื่อค.ศ.2000
หอระฆังเมืองบรูชและสัญลักษณ์ยูเนสโก
เมืองทางผ่านซึ่งเป็นเมืองเก่าอีกเมืองคือ เมืองเกนต์ (Ghent) และต้องเหลือเวลามาซื้อช็อกโกแลต และกระเป๋าคิปลิง ของขึ้นชื่อของเบลเยียม
7 โมงเช้าล้อหมุน มุ่งไปยังเมืองบรูช ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ตลอดเส้นทางฟ้าครึ้ม มีฝนตกตลอด แต่เมื่อไปต้องร้องโอ้โห…เพราะภาพข้างหน้า เหมือนในเทพนิยาย สวยงามตื่นตาไปหมด
เมืองบรูชล้อมรอบไปด้วยคลอง
ด้วยความเป็นเมืองท่าสำคัญในอดีต จึงเป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยคลอง ในอดีตคนเมืองนี้ใช้คมนาคมและค้าขายร่วมกัน และคลองสามารถเชื่อมออกทะเลได้ จึงเป็นที่มาของการเรียกขานว่า เวนิซแห่งเบลเยียม และเล่ากันว่าในอดีตมีแต่มหาเศรษฐีอาศัยอยู่ จึงไม่แปลกนักที่สิ่งปลูกสร้างจะสวยงาม อลังการมาก
แม้เวลามีน้อย แต่โชคดีได้ ‘น้องตั๊บ’ เจ้าหน้าที่สถานทูตไทยที่บรัสเซลส์ช่วยแนะนำจุดที่เป็นแลนด์มาร์กที่นักท่องเที่ยวต้องถ่ายรูป
เมืองบรูชที่สวยงาม
จุดแรกที่รถไปจอดตามคำแนะนำของผู้รู้ พอลงจากรถต้องร้องอู้หูอีกครั้งกับภาพด้านหน้าที่มีลำคลองผ่านลอดใต้สะพาน ข้างๆ เป็นอาคาร ที่ปัจจุบันแม้เป็นมรดกโลกก็ยังมีคนอยู่อาศัย เปรียบเสมือนเมืองเทพนิยายที่ยังมีชีวิต สัมผัสได้
ข้างๆ คลองเต็มไปด้วยหงส์สีขาวที่อยู่กันเป็นกลุ่ม แม้อากาศหนาวเหน็บคณะเราสู้ตาย แชะรูปทั้งเดี่ยวและหมู่กันแบบมืออาชีพสุดๆ
หงส์ขาวในเมืองบรูช
เมื่อเดินอ้อมไปอีกด้าน เป็นจุด ถ่ายทำโปสเตอร์แนะนำเส้นทางเดินเที่ยวเพื่อให้ไปถึงจุดสำคัญๆ ในเวลา 30 นาที ระหว่างนี้มีแสงแดดลอดผ่านกิ่งไม้ ลอดผ่านระหว่างตึก เป็นครั้งแรกในรอบ 2 วันในกรุงบรัสเซลส์ที่มีทั้งฝนและลม จนพวกเราแซวกันเองว่าเป็นผู้นำพาแสงสว่างมาสู่บรูช(ฮา…)
พวกเราใช้เวลาอย่างคุ้มค่า เดินลอด เลาะ ไปตามตึก จนเจอสัญลักษณ์มรดกโลกของยูเนสโก และเดินชมความงามตลอดทางไปจนถึงจัตุรัสกลางเมืองที่เรียกว่า “มาร์เก็ต สแควร์”
มาร์เก็ต สแควร์
ที่นี่มีร้านค้า ร้านขายผลไม้ ร้านนั่งชมเมือง ชมวิว ตลอดทาง และได้เห็นวิถีชีวิตของคนเมืองบรูชทุกซอกมุม
จัตุรัสแห่งนี้ยังมีป้อมปราการและหอระฆังตั้งตระหง่าน ในวันฟ้าเปิดเมื่ออยู่ตรงจุดกลางๆ หอระฆังแล้วเงยหน้ามองขึ้นไปบนยอดจะรู้สึกว่าหอระฆังจะล้มลงมา เพราะเวลาเมฆลอยเคลื่อนบนฟ้ามันหลอกตาเรา ทำให้ดูเหมือนว่า หอระฆังจะล้ม แต่ที่จริงยังอยู่เหมือนเดิม สิ่งที่เคลื่อนไหวคือเมฆต่างหาก
เมืองบรูชใหญ่โตและสวยงามเกินกว่าที่จะใช้เวลาชั่วโมงเศษ สัมผัสความสวยงามได้หมด หากใครมีโอกาสมาแนะนำให้พักสัก 1 คืน เพื่อเก็บเกี่ยวความสวยงามให้มากที่สุด เพราะกิจกรรมที่ นักท่องเที่ยวสามารถทำได้ในเมืองนี้มีไม่น้อย ทั้งนั่งรถม้าชมเมือง เช่าจักรยานปั่น หรือนั่งเรือล่องตามคลอง
และแล้ว ก็ถึงเวลานัดหมายต้องรีบขึ้นรถเพื่อย้อนกลับไปเมืองเกนต์
แลนด์มาร์กเมืองเกนต์
ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงเมืองเกนต์ เมืองนี้ตั้งระหว่างบรูช กับ บรัสเซลส์ ด้วยความเป็นเมืองมหาวิทยาลัย จึงเห็นวัยรุ่นเด็กมหาวิทยาลัย เดินเต็มถนน ร้านข้างทางก็จะหลากหลาย มีอาหารมากมายแบบที่วัยรุ่นชอบ
ที่เมืองเกนต์พวกเรามีเวลาชมความงามเพียงครึ่งชั่วโมง ตรงไปหามุมงามๆ แชะรูปแบบไม่ยั้ง ก่อนเดินทางกลับเข้าบรัสเซลส์ให้ถึงภายในเวลา 14.30 น. เพราะเวลา 16.00 น.ทั้งคณะต้องไปร่วมงานแสดงความสำเร็จในการที่อียูปลดใบเหลืองให้ประมงของประเทศไทย ให้ผู้นำเข้าอาหารทะเลยุโรปมั่นใจ
คณะเราเดินทางถึงบรัสเซลส์ทันเวลา และยังมีเวลาเหลืออีกชั่วโมงครึ่งก่อนงานสำคัญ ได้เวลาเก็บตก จัตุรัส กรองด์ ปลาซ (Grand Place) มีพิกัดตั้งอยู่หลังตลาดหลักทรัพย์บรัสเซลส์
จัตุรัสกรองด์ ปลาซ
เมื่อลงจากรถจึงเลาะด้านข้างตลาดหลักทรัพย์ไปไม่ไกลจะเห็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามตั้งอยู่รอบพื้นที่โล่งๆ สี่เหลี่ยม เดินเข้าไปในซอยพบ รูปปั้นที่ติดอยู่กับผนัง ชื่อว่า Monument Everard’t Serclaes ศิลปินผู้ปั้นคือ Julien Dillens (1849-1940)
ประติมากรรมนักรบคนกล้า นายทหาร ที่กู้บรัสเซลส์มาจากกองทัพเฟลมิชในปี 1356 รูปหล่อบรอนซ์ทองที่นักท่องเที่ยวเห็นต้องรีบไปลูบเพราะเชื่อว่าลูบแล้วจะได้มาอีก
พื้นถนนใกล้ๆ จุดนั้นจะเห็นสัญลักษณ์ยูเนสโก ที่แสดงว่าสถานที่นี่เป็นมรดกโลก เดินต่อไปสัก 500 เมตรจะเห็นรูปปั้นเด็กผู้ชายฉี่ที่มีตำนานว่าในอดีตจะมีการวางระเบิดที่เมืองนี้ เด็กน้อยเลยไปยืนฉี่รดทำให้ระเบิดด้าน
เจนเนเค พิส-เมนเนเกน พิส
เมื่อดูเด็กผู้ชายฉี่แล้วก็ต้องเดินไปอีกซอยเพื่อไปดูเด็กผู้หญิงฉี่ จึงต้องเดินลึกเข้าไปท้ายซอย แต่ตำนานเด็กผู้หญิงฉี่ไม่มี เป็นเพียงการปั้นล้อเลียนเด็กชายฉี่เท่านั้น
เบลเยียมดังในเรื่องของช็อกโกแลต เพชร กระเป๋าคิปลิง และเบียร์ ดังนั้น ข้างๆ ทางรอบกรองด์ ปลาซ จึงเต็มไปด้วยร้านขายของเหล่านี้ โดยเฉพาะช็อกโกแลต กระเป๋าคิปลิง และเบียร์
วันเดย์ทริปในเบลเยียมจึงได้ครบทุกรส ไม่ตกหล่น
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
