อยากมีลูก-ไม่ใช่เรื่องยาก

อยากมีลูก ไม่ใช่เรื่องยาก – เทคโนโลยีแพทย์ช่วยได้อยากมีลูก-ไม่ใช่เรื่องยาก เทคโนโลยีแพทย์ช่วยได้หากพ่อแม่อยากมีลูก ถ้าใช้วิธีธรรมชาติไม่สำเร็จ ควรจูงมือกันไปพบแพทย์ หรือปรึกษา ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก

ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าและทันสมัย ช่วยเข้ามาเติมเต็มความสมบูรณ์ของครอบครัวยุคใหม่ที่มีปัญหาภาวะมีบุตรยากได้

แพทย์หญิงอัญชุลี พฤฒิวรนันทน์

 

พญ.อัญชุลี พฤฒิวรนันทน์ สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำศูนย์รักษา ผู้มีบุตรยากและผ่าตัด ผ่านกล้องทางนรีเวช โรงพยาบาลวิภาวดี กล่าวว่า ขั้นตอนการรักษานั้น จะต้องตรวจเลือดทั้งผู้ชายและ ผู้หญิงดูเรื่องความเข้มข้นเลือด เม็ดเลือดมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องพันธุกรรม โรคธาลัสซีเมียหรือไม่ ตรวจความเข้มข้นของเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง เกล็ดเลือด ตรวจเรื่องของซิฟิลิส เอชไอวี ไวรัสตับอักเสบบี ตรวจกรุ๊ปเลือดว่ามีความเสี่ยงตอนตั้งครรภ์หรือไม่ ตรวจภูมิคุ้มกันหัดเยอรมัน

บริการให้คำปรึกษาคู่สมรส

ผู้ชายนอกจากมีปัญหาเรื่องน้ำเชื้อผิดปกติก็ต้องไปตรวจฮอร์โมนแต่น้อยมาก

ส่วนของผู้หญิงที่ตรวจเพิ่มคือ ตรวจฮอร์โมนการทำงานของรังไข่ ถ้าเจอความผิดปกติที่สงสัยเรื่องต่อมไร้ท่ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับรังไข่ ก็ต้องตรวจฮอร์โมนต่อมไร้ท่อนั้นด้วย นอกจากนั้นจะตรวจภายใน เช็กมะเร็งปากมดลูก ตรวจอัลตราซาวด์ดูมดลูก รังไข่

หลังไข่ตกจะเกิดการปฏิสนธิที่ท่อนำไข่ และเจริญเติบโตจะไปฝังตัวในมดลูกภายใน7วัน

หลังตรวจเสร็จก็ประเมินว่าสาเหตุเกิดจากอะไร แก้ไขตามสาเหตุ ถ้าบางคนเจอโรค ก็รักษาโรคก่อน ถ้าบางคนทำได้เลยก็มีตั้งแต่ นับวันตกไข่ให้ อาจต้องใช้ยากระตุ้นไข่ช่วย บางคนก็อาจจะต้องใช้เทคโนโลยี มีตั้งแต่ฉีดเชื้อผสมเทียม และทำเด็กหลอดแก้ว

พญ.อัญชุลีกล่าวต่อว่า ถ้าพบคนไข้คู่ที่มีปัจจัยเสี่ยงเยอะและไม่น่าจะตั้งครรภ์ง่าย ก็อาจจะข้ามมาเป็นเด็กหลอดแก้ว ซึ่งปัจจุบันมีคนไข้ที่เลือกการรักษาด้วยวิธีนี้เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

การทำเด็กหลอดแก้ว

การรักษาเริ่มต้นด้วยการกระตุ้นไข่ตอนเริ่มมีประจำเดือน พอประจำเดือนมาช่วง 3 วันแรกก็จะให้ยาฉีดกระตุ้นไข่ ฉีดกระตุ้นไข่ทุกวันประมาณ 8-10 วัน โดยคนไข้สามารถฉีดได้เอง ฉีดที่ผนังหน้าท้อง ระหว่างที่ฉีดยา 8-10 วัน ก็จะนัดมาติดตามขนาดไข่เรื่อยๆ ดูว่าไข่โตได้ตามมาตรฐานไหม ต้องปรับขนาดยาอย่างไรบ้าง

พอไข่โตเต็มที่ พร้อมที่จะเก็บไข่ก็จะนัดวันการเก็บไข่โดยทั่วไปเก็บไข่ออกมา รอปอกเปลือกไข่ โดยกรรมวิธีในห้องปฏิบัติการ ปอกเปลือกไข่เสร็จก็ยิงอสุจิเข้าไป เพื่อผสมกันภายใน 4-6 ชั่วโมง

การฉีดเชื้อผสมเทียม

แบบนี้เรียกว่าวิธีอิกซี่ แล้วเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ 3-5 วัน ขึ้นอยู่กับแต่ละเซ็นเตอร์ว่าจะย้ายตัวอ่อนกลับวันไหน ซึ่งสามารถย้ายตัวอ่อนได้ตั้งแต่วันที่ 2 3 4 5 พอย้ายตัวอ่อนกลับเข้าไป ก็รอเวลาอีก 7 วันถึงรู้ผลว่าตั้งครรภ์หรือไม่ด้วยการเจาะเลือด

การเก็บไข่โดยการใช้เข็มติดกับเครื่องอัลตราซาวด์และดูดไข่ออกมาภายนอก

พญ.อัญชุลีกล่าวต่อว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีที่ช่วยให้มีบุตรเป็นที่ต้องการมากขึ้น หนึ่งในนั้นยังคงเป็นการทำเด็กหลอดแก้ว โดยการย้ายตัวอ่อนกลับเข้าไปในโพรงมดลูก ซึ่งมีเพียง 2-3% เท่านั้นที่จะได้ลูกแฝด 2 คน และมีเพียง 1% เท่านั้นที่จะมีแฝดเกินกว่า 2 คน การทำเด็กหลอดแก้วไม่ว่าจะด้วยวิธีใดต้องมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ชัดเจนว่า มีภาวะของการมีบุตรยากด้วยปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งจึงจะทำได้

พญ.อัญชุลีกล่าวด้วยว่า ในยุโรปมีกฎชัดเจนว่า ห้ามย้ายตัวอ่อนเกินกว่า 2 ตัวอ่อน ส่วนในเอเชียไม่มีกฎตายตัว ส่วนใหญ่เป็นการย้ายตัวอ่อนในระยะวันที่ 3 ถึงวันที่ 5 ใส่เข้าไปในโพรงมดลูก ซึ่งโอกาสที่จะตั้งครรภ์มีประมาณ 30% หลายคนจึงต้องทำอยู่หลายครั้งจึงประสบความสำเร็จ

คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน