วันชาติกะเหรี่ยง 70 ปีแห่งการรอคอย
วันชาติกะเหรี่ยง 70 ปีแห่งการรอคอย – กะเหรี่ยงเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่แยกเป็นหลายกลุ่มในเมียนมา แต่เมื่อถึงงานวันครบรอบปฏิวัติ 70 ปีของการต่อสู้กับรัฐบาลพม่า เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2562 บรรดากะเหรี่ยงทุกกลุ่มเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียงกัน
นอกจากนี้ยังมีชาติพันธุ์อื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ผู้แทนไทใหญ่จากรัฐฉาน ผู้แทนรัฐอาระกัน และผู้แทนกองกำลังอื่นๆ รวมถึงผู้แทนจากหลายๆ ประเทศก็มาร่วมงานวาระนี้
พิธีจัดใหญ่โตที่กองพลน้อยที่ 7 ค่ายโกล๊ะหย่อเล ฝั่งตรงข้ามบ้านแม่สลิดน้อย ต.แม่สอง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก พื้นที่ของกะเหรี่ยงกลุ่มกองทัพปลดปล่อยชาติพันธุ์กะเหรี่ยง KNLA (KAREN NATION LIBERATION ARMY) นำโดย พล.อ.มูตู เซโพ ประธานาธิบดีของรัฐกะเหรี่ยง
นางนั่น ขิ่น ทุย มิ้นท์ (Khin Htwe Myint) นายกรัฐมนตรีรัฐกะเหรี่ยง พร้อมชาวกะเหรี่ยงทั้งฝั่งพม่าและฝั่งไทย แห่แหนกันไปงานจำนวนนับหมื่นคน นับเป็นการจัดงานที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งที่เคยจัดกันมา ทำเอาสะพานไม้ไผ่ที่เพิ่งสร้างขึ้น เพื่องานนี้โดยเฉพาะเพื่อข้ามแม่น้ำเมยจากฝั่งไทยไปยังฝั่งพม่า ตรงค่ายโกล๊ะหย่อเล แออัดยัดเยียดไปด้วยผู้คน
ช่วงกลางคืนนั้นมีการจัดแสดงคอนเสิร์ตและกิจกรรมบันเทิงในหลากหลายรูปแบบ และยังมีร้านค้านำเสื้อผ้าอาหารมาขายกันเป็นแถวยาวเหยียด เหมือนงานวัดในบ้านเราอย่างไรอย่างนั้น
ช่วงเช้ามีการสวนสนามของเหล่าทหารกะเหรี่ยงทั้งชายและหญิง ท่ามกลางหมอกหนาทึบของฤดูหนาวที่ปกคลุมตั้งแต่เช้ามืด แม้กระทั่ง 8 โมงเช้าแล้วก็ยังมีหมอกปกคลุมอยู่ ทำให้ไม่เห็นภูเขาลูกย่อมๆ ที่ล้อมรอบค่ายแห่งนี้
หลังจากทำพิธีสำคัญเสร็จในช่วงเช้า พลเอกซอ จอห์นนี่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ของกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง KNLA ฝ่ายการทหารของ KNU (The Karen National Union) ออกไปต้อนรับแขกเหรื่อที่บ้านพักใกล้กับริมแม่น้ำเมย
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดกะเหรี่ยง KNLA ให้สัมภาษณ์ว่า การจัดงานครบรอบ 70 ปี เป็นไปด้วยดี โดยมีกะเหรี่ยงกลุ่มต่างๆ ทั้ง 4 กลุ่มเข้าร่วม รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ ด้วย ชี้ให้เห็นว่า วันนี้กะเหรี่ยงได้รวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว แม้ที่ผ่านมาจะมีความแตกแยกหรือรบกันก็ตาม แต่วันนี้กะเหรี่ยงทั้ง 4 กลุ่มอยู่ภายใต้ KNU เป็นที่ยอมรับของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศต่างๆ มากขึ้น
ส่วนการเจรจาเพื่อสันติภาพนั้น ขึ้นอยู่กับรัฐบาลพม่าเป็นสำคัญ เนื่องจากปัจจุบันพม่ายังเอาเปรียบ ยังบีบและไม่ให้สิทธิแก่ชาวกะเหรี่ยง การที่ นางออง ซาน ซู จี ขึ้นมานั่งเป็นที่ปรึกษาแห่งรัฐในเวลานี้ ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เพราะทหารเป็นผู้มีอำนาจเหนือรัฐบาล
“สิ่งที่กะเหรี่ยงต้องการคือให้จัดการปกครองในรูปแบบสหพันธรัฐ เหมือนการปกครองของประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะการเป็นประเทศประชาธิปไตยนั้น ทุกชาติพันธุ์จะต้องเท่าเทียมกันหมด”
หลังจากเสร็จงานวันชาติกะเหรี่ยงที่ค่ายดังกล่าว ได้ไปเยี่ยมโรงเรียน “เหน่โพคี” ของชาวกะเหรี่ยงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม อ.ท่าสองยาง ซึ่งต้องข้ามแม่น้ำเมยไปอีกฝั่ง จากนั้นนั่งรถโฟร์วีลส์ไปอีกประมาณ 40 นาที เส้นทางเป็นถนนแดงประเภทฝุ่นคลุ้ง ผ่านเรือกสวนไร่นาของชาวบ้านสุดลูกหูลูกตา
“เหน่โพคี” เป็นโรงเรียนประถมศึกษามีนักเรียน 60 กว่าคน ครู 6 คน สาเหตุที่ไปโรงเรียนนี้ เพราะทางมูลนิธิสหชาติ ที่มี “พระชายกลาง อภิญาโณ” เป็นประธาน พร้อมด้วย คุณจีรวรรณ ปันสะเภา พยาบาลของร.พ.ท่าสองยาง และคณะ นำลูกบอล และข้าวของเครื่องใช้ พร้อมตุ๊กตาที่ส่วนหนึ่งได้รับบริจาคมาจากผู้ใจบุญนำมามอบให้กับนักเรียนตัวน้อยๆ เพราะรู้ว่าครอบครัวเด็กที่นี่ยากจน
เท่าที่ดูแต่ละคนสวมเสื้อผ้ามอมแมมเก่าๆ แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อได้รับของแจกจากผู้ใหญ่ใจดี ซึ่งวันนั้นทางมูลนิธิสหชาติและคุณจีรวรรณ ได้นำน้ำแข็งไสใส่ขนมปังราดน้ำแดงมาให้พวกเขากิน และยังนำยาสีฟัน แปรงสีฟัน และรองเท้ามาแจกด้วย
แต่ที่เด็กผู้หญิงชอบใจสุดๆ ก็คือ ตุ๊กตา บางคนได้ตัวเล็ก บางคนได้ตัวใหญ่ และแม้จะเป็นตุ๊กตามือสอง แต่พวกหนูๆ ก็ชื่นชอบเห็นได้จากแววตาที่เปี่ยมสุข ก่อนกลับทางคณะรับปากว่าจะมาเยี่ยมและนำสิ่งของที่ทางโรงเรียนต้องการมาให้อีกครั้ง
ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง