คอลัมน์ สวรรค์ในครัว

เขียง มะขาม

ต้องสารภาพ(อีกครั้ง)ว่า เชยเอามากๆที่เกิดมาก็ เอ่อ…หลายปีแล้ว แต่เพิ่งเคยได้กินแกงจืดโหระพาหมูบะช่อเมื่อไม่นานมานี้

ปกติผักที่แม่แกงให้กินกับหมูสับมาตั้งแต่เด็กถ้าไม่ใช่ตำลึง แตงกวา บวบ ก็กะหล่ำ

จนไม่กี่เดือนก่อนคณะเพื่อนนัดกันไปกินข้าวที่บ้าน คุณแป้ง-ปรมา ชันซื่อ นอกจากแกงเนื้อขึ้นชื่อ สตูแกะกับคูสคูสแล้ว ที่ตักซดแกล้มน้ำมังสวิรัติตลอดรายการก็แกงจืดโหระพาหมูสับนี่แล

กลับถึงบ้านสองคนสามีภรรยารีบ เล่าให้คุณ(แม่) ยายฟังด้วยความตื่นเต้น (จริงจริงนะ)

แม่ยิ้มเหมือนเห็นเป็นว่าเรื่องเล็กมาก ก่อนบอกว่าเดี๋ยวจะลองทำดูก็ได้

เช้าวันถัดมา แกงจืดโหระพาหมูสับหอมฉุย ร้อนกรุ่น วางอยู่บนโต๊ะเป็น มื้อเช้า และอีกหลายๆ มื้อต่อมา

น้ำแกงเค็มปะแล่ม หวานนิดๆ จากเนื้อหมู หอมกระเทียมและพริกไทยที่คุณยายใส่แบบจัดหนักแต่พอดีๆ

แต่ทั้งหมดไม่ได้กลบกลิ่นหอมนวลของโหระพา

สูตรไม่ลับก็เหมือนแกงจืดหมูสับทั่วๆ ไป อย่างแรกก็ต้องมีหมูสับก่อน จะใช้หมูบดที่เขาขายสำเร็จก็ได้ แต่จะยุ่ยไม่สู้ลิ้นเท่ากับบะช่อสับเอง

ปรุงรสด้วยกระเทียมสับละเอียดกับ พริกไทย(ถ้าบดกับครกได้จะดีกว่าป่น) และน้ำปลา

ตั้งน้ำให้เดือดแล้วใส่กระเทียมลงไป ชอบรสจัดก็หลายๆ กลีบ เกลือเม็ดหรือ เกลือป่นพอควร แล้วค่อยตาม ด้วยบะช่อของเรา

ชิมรสอีกหน ชอบเข้มก็เติมเกลือ หรือถ้าอยากให้หอมก็เติมน้ำปลา

แต่ถ้าอยากซดเปล่าๆ แบบ ชื่นใจ ก็คงรสไว้แค่เค็มปะแล่ม-ปะแล่มเป็นพอ

พอหมูเริ่มสุก เร่งไฟให้แรง แล้วใส่โหระพาที่ล้างสะอาดลงไป อยากกินแค่ไหนใส่เท่านั้น อย่าให้มากเกิน เหลือแล้วเดี๋ยวจะเซ็ง

ตักใส่ถ้วยหรือชามแล้วอย่าลืมเหยาะพริกไทยป่นพองาม

กินเพลินดีนักแล โดยเฉพาะเป็นมื้อเย็น ซดแต่น้ำแกงหนักโหระพา หมูไม่มาก ข้าวไม่ต้อง

นัยว่าเป็นอาหารลดหุ่น

กลับดึกกลับดื่น ยังอุ่นกินเองได้ชื่นใจ

และป้องกันอาการค้างในตอนเช้า

ฮา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน