มุ่งส่งเสริมการอ่าน ช้อปช่วยชาติรอบสอง

มุ่งส่งเสริมการอ่าน ช้อปช่วยชาติรอบสอง – “โครงการช็อปช่วยชาติรอบ 2 ไม่เกี่ยวกับการหาเสียงรัฐบาล จะไปหาอะไรกับใครได้ รัฐบาลจะอยู่จะไปไม่สำคัญ โครงการนี้เดินหน้าต่อไป เจตนาเพื่อกระตุ้นและพยุงเศรษฐกิจ เพราะต้องการส่งเสริมการอ่านและถ้าโครงการช็อปช่วยชาติได้ผลไม่ว่าใครเป็นรัฐบาลก็น่าจะเปิดกว้าง” นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวที่ทำเนียบรัฐบาล ในฐานะประธานกรรมการบูรณาการส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่านเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้

มุ่งส่งเสริมการอ่าน ช้อปช่วยชาติรอบสอง

งานแถลงข่าวดังกล่าว มีตัวแทนสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เข้าร่วม เพื่อขานรับมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่าน มาตรการภาษีเพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2562 ของกระทรวงการคลัง

มุ่งส่งเสริมการอ่าน ช้อปช่วยชาติรอบสอง

รัฐบาลดำเนินงานตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) เรื่องการเตรียมพร้อมด้านกำลังคนและการเสริมสร้างศักยภาพของประชากรในทุกช่วงวัย และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพทุนมนุษย์ของประเทศ และเล็งเห็นว่าจำเป็นต้องกำหนดมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนส่งเสริมการอ่าน และกระตุ้นการตัดสินใจซื้อหนังสือ รวมถึงสามารถสนับสนุนให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในวงการหนังสือ และสื่อสิ่งพิมพ์ทุกชนิด รวมทั้งหนังสือที่อยู่ในรูปแบบของ E-book

คณะรัฐมนตรีลงมติเห็นชอบ มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่าน มาตรการภาษีเพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2562 แล้วเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 โดยกำหนดให้ผู้มีเงินได้ ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล นำค่าหนังสือ และค่าบริการ e-book ทุกประเภทตามที่จ่ายจริงไปเป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

มุ่งส่งเสริมการอ่าน ช้อปช่วยชาติรอบสอง

โครงการรอบ 2 นี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 ธันวาคม 2562 โดยลดหย่อนได้ไม่เกิน 15,000 บาท

ค่าใช้จ่ายในการซื้อหนังสือในครั้งนี้ หากคิดรวมกับรายจ่ายในการซื้อหนังสือและสื่อสิ่งพิมพ์ที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1-16 มกราคม 2562 ตามมาตรการช้อปช่วยชาติ ต้องไม่เกิน 15,000 บาท คาดว่าโครงการดังกล่าวส่งผลให้ยอดขายหนังสือทั่วประเทศเพิ่มขึ้นจากเดือนละ 500-600 ล้านบาท เป็น 800 ล้านบาท

ด้านสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ ในฐานะองค์กรตัวแทนธุรกิจหนังสือและ สิ่งพิมพ์ กำหนดแผนงานสนับสนุนมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่าน มาตรการภาษีเพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2562 ดังนี้

1. ร่วมกับร้านหนังสือ อาทิ นายอินทร์ บีทูเอส ซีเอ็ด และร้านหนังสืออิสระ จัดเทศกาลหนังสือ Book for Mum ในเดือนสิงหาคม และเทศกาลหนังสือ Book for Gift ในเดือนธันวาคม เพื่อสร้างโอกาสการซื้อและจำหน่ายหนังสือได้มากขึ้น

2. ร้านหนังสือ สํานักพิมพ์จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย สนับสนุนให้เกิดการซื้อและการจำหน่ายหนังสือจาก ร้านหนังสือ อาทิ นายอินทร์ บีทูเอส ซีเอ็ด และ ร้านหนังสืออิสระ รวมถึงการจำหน่าย e-book ด้วย

3. จัดกิจกรรมเสวนา รวมถึงคลิปวิดีโอ เผยแพร่ โดยเชิญบุคคลที่เป็น ไอดอล หรืออินฟลูเอ็นเซอร์ที่ประสบความสําเร็จ ด้วยการอ่านทุกเดือน (มิ.ย.-ธ.ค.2562)

4. ประสัมพันธ์โครงการผ่านสื่อต่าง ทั้งออนไลน์และออฟไลน์

ความคาดหวังจากแผนงานนี้ คือจะส่งผลในทางบวกต่อกำลังซื้อของประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ซึ่งยังมีความจำเป็นต้องจัดซื้อหนังสือเรียนให้กับบุตรหลาน อีกทั้งจากผลสำรวจของการดำเนินมาตรการภาษีเพื่อเกษตร ชุมชนและทุนมนุษย์ หรือช้อปช่วยชาติในช่วงปลายปีคือตั้งแต่ 15 ธันวาคม 2561 ถึง 16 มกราคม 2561 พบว่า ประชาชนทั่วไปมีความต้องการให้ขยายเวลาของมาตรการภาษีเพื่อซื้อหนังสือ รวมทั้งภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจการพิมพ์ แจ้งว่าในช่วงดังกล่าวมีปริมาณการสั่งซื้อหนังสือรวมประมาณ 831 ล้านบาท มากกว่าที่สมาคม ผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทยประเมินไว้ ขณะที่ร้านหนังสือที่เป็นเชนรายใหญ่ๆ นั้นต่างก็มียอดขายที่เพิ่มกว่าช่วงปกติเช่นเดียวกัน

“รัฐบาลมีการแต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการวัฒนธรรมการอ่านเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้เนื่องจากการอ่านเป็นวัฒนธรรมที่สามารถส่งเสริมให้พัฒนาขึ้นได้ เราอยากให้คนอ่านหนังสือเพิ่มมากขึ้น จากในอดีตที่มีการระบุว่าคนไทยอ่านหนังสือปีละ 8 บรรทัด แต่จากการสำรวจล่าสุดพบว่าคนไทยอ่านหนังสือมากขึ้นแล้ว เป็นวันละ 80 นาที แต่เราอยากให้มากขึ้นกว่านั้นอีก” นายวิษณุกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน