คอลัมน์ ข่าวสดสุขภาพ

รายงานพิเศษ

ข้อเข่าเสื่อม เป็นหนึ่งในความผิดปกติของร่างกาย ที่แม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตแต่ก็เป็นต้นเหตุทำให้ผู้ป่วยสูญเสียคุณภาพชีวิตที่ดี

ผศ.นพ.สมบัติ โรจน์วิโรจน์ ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ ศูนย์ข้อสะโพกและข้อเข่า ร.พ.กรุงเทพ เปิดเผยว่า “โรคข้อเข่าเสื่อมไม่ได้จำกัดอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุเท่านั้น หากเล่นกีฬาหักโหมหรือมีน้ำหนักตัวมากเกินไปก็สามารถเกิดโรคนี้ได้เช่นกัน

เราจึงคิดค้นโปรแกรมการรักษาที่ออกแบบเฉพาะบุคคล เพื่อตอบสนองคนไข้ที่มีสภาวะต่างกัน เบื้องต้นเราจะใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ Digital Template ช่วยวางแผนหาขนาดของข้อเข่าเทียมที่เหมาะสม รวมทั้งกระดูกที่จะถูกตัดออกว่าจะหนาบาง เล็กใหญ่ขนาดไหน และต้องเอียงทำมุมเท่าใด โดยเฉพาะกรณีที่มีความวิกลรูปผิดปกติมาก หรือกรณีที่เคยมีกระดูกหัก เคยผ่าตัดมาก่อน”

จากนั้นใช้เครื่องเอกซเรย์สองแกน Biplane Imaging (EOS) สแกนตั้งแต่กระดูกสันหลังจนถึงปลายเท้าเพื่อสร้างภาพสามมิติออกมาช่วยวางแผนก่อนการผ่าตัด การผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง

สำหรับเหตุผลสำคัญสองข้อที่ทำให้คนไข้เจ็บน้อยและฟื้นตัวไว คือ การผ่าตัดแบบทะนุถนอมเนื้อเยื่อไม่ให้บอบช้ำโดยขนาดของแผลที่พอเหมาะ การใช้เครื่องจี้ไฟฟ้าห้ามเลือดด้วยคลื่นวิทยุ (Radiofrequency) ซึ่งหล่อด้วยน้ำเกลือ เพื่อไม่ทำให้เนื้อเยื่อรอบข้างถูกทำลาย ช่วยลดการเสียเลือดหลังการผ่าตัด

และการบริหารยาลดความเจ็บปวดโดยการฉีดยาชาเข้าช่องไขสันหลังเพื่อไม่ให้เจ็บในระหว่างการผ่าตัด และจัดการความเจ็บปวดหลังการผ่าตัดด้วย Adductor Canal Block คือ การระงับการรับความรู้สึกที่เส้นประสาทในช่องแอดดั๊กเตอร์ เพื่อลดระดับความปวดโดยจะฉีดยาชาเข้าไปที่เส้นประสาทเหนือเข่า เพื่อให้ยาชาต่อไปแบบช้าๆ อัตโนมัติ ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่กล้ามเนื้อยังทำงานได้

ผศ.นพ.สมบัติอธิบายต่อว่า หลังผ่าตัดผู้ป่วยบางรายโดยเฉพาะผู้สูงวัยอาจจะอยู่ที่ห้องพักฟื้นหนึ่งคืน จากนั้นจะย้ายมาอยู่ห้องปกติ ซึ่งจะฟื้นฟูกล้ามเนื้อเข่าหลังผ่าตัดโดยมีทีมกายภาพดูแลอย่างใกล้ชิด และการทำกายภาพด้วยเครื่อง Alter G (Anti Gravity Treadmill) หรือลู่วิ่งต้านแรงโน้มถ่วง เครื่องมือกายภาพ บำบัดที่เมื่อคนไข้เดินเข้าไปแล้ว ระบบจะอัดอากาศเข้าไปเพื่อพยุงตัวให้ลอยขึ้น เสมือนเดินอยู่ในลูกบอลลูน คนไข้จึงกล้าก้าวเดินเพราะไม่เจ็บขณะลงน้ำหนัก

นักกายภาพบำบัดจะปรับการต้านแรงโน้มถ่วงจากมากไปหาน้อย เพื่อให้ผู้ป่วยปรับตัวกับการรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นทีละ น้อยได้ ช่วยให้ฟื้นตัวเร็ว ภายในวันแรกก็สามารถขยับเดินได้ เมื่อครบ 4 วันตามโปรแกรม ผู้ป่วยจะสามารถเดินกลับบ้าน ใช้ชีวิตประจำวันได้และทำกายภาพบำบัดจนสามารถออกกำลังกายอย่างตีกอล์ฟ ขี่จักรยาน หรือว่ายน้ำได้

“ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด เราเน้นรักษาตามระยะของโรค ถ้ายังสามารถใช้เข่าในสภาวะเข่าเสื่อมที่ยังไม่รุนแรงได้ ก็จะแนะนำให้เปลี่ยนวิธีการใช้งาน เช่น ห้ามนั่งคุกเข่า หรือนั่งยองๆ และควรเลือกเล่นกีฬาเบาๆ อย่าง ว่ายน้ำ เดินเร็ว ขี่จักรยาน เวลานั่งทำงานปรับที่นั่งให้สูงเพื่อให้เข่าได้เหยียดเต็มที่ หากต้องนั่งนานๆ ควรพักเข่าด้วยการเหยียดเข่าตรงในท่านั่งแล้วนับ 1-10 เพื่อให้กล้ามเนื้อหน้าขาแข็งแรงขึ้น ทำประมาณ 20-30 ครั้ง ต้องควบคุมน้ำหนัก ให้พยายามขึ้นลงบันไดเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ถ้าข้อเข่าเสื่อมที่ยังเป็นไม่มากเราสามารถรักษาด้วยการทานยาตามอาการ และการฉีดน้ำหล่อเลี้ยงข้อเทียมเพื่อช่วยลดการเสียดสีของข้อเข่า หรือฉีดยาสเตียรอยด์ในปริมาณที่จำกัดได้ แต่ถ้าการรักษาที่ว่ามาทั้งหมดไม่ได้ผลก็ต้องเข้ารับการผ่าตัด” ผศ.นพ.สมบัติกล่าว

นับว่าเป็นความก้าวหน้าในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมที่ทำให้ผู้ป่วยทั้งวัยกลางคนและผู้สูงอายุกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข อีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน