เจ้าคุณพระประยูรวงศ์

คอลัมน์ รู้ไปโม้ด

โดย…น้าชาติ ประชาชื่น

เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ – อยากทราบประวัติเจ้าคุณพระประยูรวงศ์ และรูปภาพด้วย

จิตกระจ่าง จงเกษม

ตอบ จิตกระจ่าง

เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ หรือ เจ้าคุณจอมมารดาแพ ในรัชกาลที่ 5 เป็นพระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นท่านเดียวในรัชกาลที่ดำรงยศสูงสุดในกลุ่มพระภรรยาสามัญชน โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนเครื่องในพานทองเครื่องยศของเจ้าคุณจอมมารดาแพเป็นทองคำลงยาราชาวดี เทียบเท่าพระภรรยาเจ้า

นอกจากนี้ ให้ใช้ราชาศัพท์ เช่น สรง บรรทม เสด็จ รวมถึงใช้คำว่า ถึงแก่พิราลัย เทียบเจ้าประเทศราชและสมเด็จเจ้าพระยา ในการตรัสเรียก รัชกาลที่ 5 ก็มิโปรดเรียกว่า นาง ตามธรรมเนียม โดยเรียกเมื่ออยู่ตามลำพังว่า แม่แพ ส่วนถ้าอยู่ต่อหน้าผู้อื่นจะตรัสเรียกว่า คุณแพ

เจ้าคุณพระประยูรวงศ์

เจ้าคุณจอมมารดาแพ ทำหน้าที่เป็นผู้เบิกพระโอษฐ์พระราชโอรสและพระราชธิดาในรัชกาลที่ 5 จวบจนวันที่ 2 ตุลาคม 2464 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 มีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งสถาปนาเกียรติยศขึ้นเป็นเจ้าคุณชั้นพิเศษ ให้ออกนามว่า เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ ท่านเป็นผู้ที่สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพกล่าวยกย่องว่าท่านสมบูรณ์ด้วยเกียรติยศ และเป็นที่เคารพนับถือของคนทั้งหลายมิรู้เสื่อมทรามจนตลอดอายุ

นามเดิม แพ เกิดเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ..2397 แผ่นดินรัชกาลที่ 4 เป็นธิดาของเจ้าพระยาสุรวงษ์ ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) กับท่านผู้หญิงอิ่ม เป็นหลานปู่ของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง) มีพระเจ้าลูกเธอ 3 พระองค์ คือ พระองค์เจ้าศรี วิไลยลักษณ สุนทรศักดิกัลยาวดี กรมขุนสุพรรณภาควดี (2411-2447)

เจ้าคุณพระประยูรวงศ์

ประสูติครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ และเจ้าคุณจอมมารดาเป็นหม่อมแพ, พระองค์เจ้าสุวพักตรวิไลพรรณ (2416-2473) และพระองค์เจ้าบัณฑรวรรณวโรภาส (2418-2434)

เจ้าคุณจอมมารดาแพ เป็นพระสนมเอกผู้ใหญ่ เป็นเพียงผู้เดียว ที่ได้รับพระราชทานเครื่องยศพระสนมเอกตามแบบรัชกาลที่ 4 และด้วยรัชกาลที่ 5 มีพระราชประสงค์จะทรงยกย่องให้ยิ่งกว่า คนอื่น จึงโปรดให้เปลี่ยนเครื่องในพานทองเครื่องยศเป็นทองคำลงยาราชาวดีดังกล่าว

(เดิมเครื่องยศพระสนมเอก เป็นพานทองมีเครื่องในทั้งหมด เป็นทองคำเกลี้ยง ต้องเป็นพระมเหสีเท่านั้นจึงจะเปลี่ยนเป็นทองคำลงยาราชาวดี) และพระเจ้าอยู่หัวองค์ต่อๆ มา ก็มิได้มีพระราชดำรัสให้เรียกคืนตามประเพณีเก่า ด้วยทรงเคารพนับถือท่านเป็นอย่างยิ่ง

กรณียกิจที่สำคัญประการหนึ่งของเจ้าคุณจอมมารดาแพ คือการทำหน้าที่เป็นผู้เบิกพระโอษฐ์พระราชโอรสและพระราชธิดาในรัชกาลที่ 5 (หมายความว่า ท่านเป็นผู้ถวายน้ำนมจากหน้าอกของท่านเอง แก่บรรดาพระราชโอรสพระราชธิดา เพื่อเป็นปฐมมงคล) หน้าที่นี้ท่านยังได้รับปฏิบัติสืบมาถึงรัชกาลที่ 6 คือได้เป็นผู้เบิกพระโอษฐ์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นครั้งที่สุด

เจ้าคุณพระประยูรวงศ์

ยังได้ชื่อเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลงเครื่องแต่งตัวภายในราชสำนัก ครั้งรัชกาลที่ 5 ทรงมีพระบรมราโชบายพัฒนาบ้านเมืองให้เท่าเทียมนานาอารยประเทศ ทรงขอความร่วมมือจากพระราชสํานักฝ่ายในให้เป็นผู้นําการเปลี่ยนแปลง

เช่น เครื่องแต่งกายและทรงผม แต่ไม่มีสตรีท่านใดกล้าหาญเปลี่ยนแปลงทันทีทันใด เจ้าจอมมารดาแพเป็นคนแรกที่สนองพระบรมราโชบาย โดยไว้ผมยาวแทนผมปีก เลิกนุ่งจีบห่มแพรสไบเฉียงกับตัวเปล่า เป็นนุ่งโจงใส่เสื้อสั้นเพียงบั้นเอว และห่มแพรสไบเฉียงนอกเสื้อ สวมรองเท้ากับถุงเท้าหุ้มน่อง

สำหรับธรรมเนียมการนุ่งโจงกระเบนในราชสำนัก ก็สืบเนื่องมาจากเกิดจากเหตุปะทะกันระหว่างเจ้าคุณจอมมารดา กับ สมเด็จฯ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร หรือ เสด็จยาย ในรัชกาลที่ 5 โดยกรมพระยาสุดารัตนราชประยูร นิยมนุ่งจีบตามแบบโบราณ แต่เจ้าคุณจอมมารดาแพ นุ่งโจงที่เพิ่งนิยมกันช่วงต้นรัชกาล รัชกาลที่ 5 จึงทรงตัดสินว่า ผู้ใดจะนุ่งจีบหรือนุ่งโจงก็เป็นเรื่องของผู้นั้น แต่การพระราชพิธีต้องนุ่งจีบตามโบราณราชประเพณี

เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ ดํารงชีวิตอยู่ด้วยความจงรักภักดีต่อพระบรมราชจักรีวงศ์และผืนแผ่นดินไทย สิ่งใดที่จะนํามาซึ่งประโยชน์ต่อประเทศชาติและพระบรมราชวงศ์ มิเคยลังเลที่จะปฏิบัติ แม้กระทั่งเมื่อมีอายุใกล้จะ 90 ปีแล้ว รัฐบาลสมัยจอมพล . พิบูลสงคราม ขอให้ท่านเป็นผู้นําการแต่งกายสตรีให้เป็นไปตามสากลนิยม

คือ นุ่งสเกิร์ต ใส่เกือก สวมหมวก ก็ได้แต่งเป็นแบบอย่างแก่สตรีในสมัยนั้น น่าจะนับได้ว่าบําเพ็ญคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต เพราะท่านถึงแก่พิราลัยเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ..2486 สิริอายุ 89 ปี

[email protected]

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน