‘นิ่วในถุงน้ำดี’ภัยใกล้ตัว ปวดท้องต้องระวัง

คอลัมน์ ข่าวสดสุขภาพ

‘นิ่วในถุงน้ำดี’ หรือ (Gallstone) เป็นโรคที่ไม่แสดงอาการใดๆ เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้ตัว ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย โดย ผศ.นพ.อุทัย เก้าเอี้ยน ..สงขลานครินทร์ กล่าวว่า สำหรับโรคนิ่วในถุงน้ำดี พบอุบัติการณ์ผู้ป่วยในประเทศไทยร้อยละ 5-10 ของประชากร เป็นโรคที่ป้องกันได้ยาก เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดนิ่ว

‘นิ่วในถุงน้ำดี’ภัยใกล้ตัว

ผศ.นพ.อุทัย เก้าเอี้ยน

ถุงน้ำดีเป็นอวัยวะขนาดเล็กอยู่ในช่องท้อง ลักษณะรูปร่างคล้ายผลแพร์ ขนาดยาว 3 นิ้ว กว้าง 1 นิ้ว อยู่ใต้ตับบริเวณชายโครงขวา ทำหน้าที่เป็นแหล่งพักของน้ำดี ที่สร้างจากตับและดูดน้ำและเกลือแร่จากน้ำดี เพื่อให้เข้มข้นขึ้นกว่าเดิมถึง 7 เท่า ทำให้สามารถส่งออกเพื่อย่อยอาหารประเภทของทอด ของมัน ด้วยปริมาณน้อยอย่างมีประสิทธิภาพในลำไส้เล็กได้

น้ำดีที่สร้างจากตับมีส่วนผสมของคอเลสเตอรอล บิลลิรูบินและเกลือน้ำดีในสัดส่วนพอเหมาะ ให้คงสภาพสารละลาย แต่เมื่อใดที่องค์ประกอบทั้ง 3 ส่วนนี้ผิดไปจากปกติ

เช่น มีการเพิ่มขึ้นมากเกินไปของคอเลสเตอรอล หรือบิลลิรูบิน หรือการลดลงของเกลือน้ำดี ร่วมกับการหดตัวน้อยลงของถุงน้ำดี จะทำให้เกิดการตกตะกอนของสารละลาย กลายเป็นเม็ดนิ่วเกิดขึ้นในถุงน้ำดี และนิ่วอาจหลุดไปอยู่ในที่อื่นๆ เช่น ท่อน้ำดี หรือลำไส้เล็ก ทำให้เกิดปัญหากับร่างกาย

‘นิ่วในถุงน้ำดี’ภัยใกล้ตัว

ปัจจัยเสี่ยงการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี ได้แก่ 1.ภาวะทางพันธุกรรม ทำให้การหลั่งคอเลส เตอรอลเพิ่มขึ้นในน้ำดี พบมีส่วนก่อโรคประมาณร้อยละ 25 ของสายพันธุ์นั้นๆ 2.ภาวะอ้วน อ้วนมากยิ่งทำให้ร่างกายหลั่งคอเลส เตอรอลมากขึ้น ทำให้มีโอกาสเกิดนิ่วในถุงน้ำดี 3 เท่าของผู้ที่ไม่อ้วน

3.การสูญเสีย น้ำหนักตัวอย่างเฉียบพลัน ซึ่งมักเกิดจากการลดอาหารให้เหลือพลังงานน้อยกว่า 500 แคลอรีต่อวัน นาน 12-16 สัปดาห์ หรือทำให้กระเพาะหดเล็กลงด้วยวิธีการผ่าตัดหรือรัดกระเพาะ เพราะตับหลั่งคอเลสเตอรอลเพิ่ม มากขึ้น

4.การอดอาหารโดยเฉพาะอาหารเช้า จะทำให้มีการเพิ่มขึ้นของคอเลสเตอรอล และลดเกลือน้ำดีร่วมกับการหดตัวน้อยลงของถุงน้ำดี 5.การรับประทานอาหารที่มีไขมันมาก ทั้งคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ และอาหารประเภทกากใยต่ำเป็นประจำ

6.การไม่ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ จะทำให้ถุงน้ำดีหดตัวน้อยลง 7.โรคบางอย่าง เช่น เบาหวาน ตับแข็ง โรคตับอื่นๆ ลำไส้อักเสบเรื้อรัง โรคเลือด ภาวะซีด และการติดเชื้อในท่อน้ำดี การแตกตัวของเม็ดเลือดแดง จนเพิ่มบิลลิรูบินขึ้นมาก โรคของลำไส้เล็กส่วนปลาย หรือการผ่าตัดลำไส้เล็กส่วนนี้

‘นิ่วในถุงน้ำดี’ภัยใกล้ตัว

8.ยาต่างๆ เช่น ยาลดไขมัน ยาคุมกำเนิด ฮอร์โมน 9.ช่วงที่ตั้งครรภ์ ทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงขึ้น 10.ภาวะที่ร่างกายมี ไขมันดี เอชดีแอลต่ำ 11.ผู้หญิงและผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป หญิงมีโอกาสเป็นมากกว่าชาย 2-3 เท่า และโอกาสเป็นเพิ่มสูงขึ้นตามอายุที่เพิ่ม ในนิ่วที่เป็นคอเลสเตอรอล

12.ผู้ที่ดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่อย่างมาก และ 13.การให้สารอาหารทางเส้นเลือดเป็นเวลานาน หรือการผ่าตัดหน้าท้อง

ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มีนิ่วในถุงน้ำดี มักจะไม่แสดงอาการใดๆ ในรายที่มีอาการ อาจจะเป็นเพียงอาการอืด แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย เรอบ่อย มีเพียงบางรายที่จะมีอาการปวดท้องบริเวณชายโครงขวา หรือลิ้นปี่อย่างรุนแรง หลังรับประทานอาหารที่เป็นของทอด ของมัน

อาจปวดตื้อๆ หรือท้องเกร็ง ปวดมากขึ้นเรื่อยๆ และค้างไว้ระยะหนึ่งแล้ว ปวดน้อยลง เป็นๆ หายๆ ช่วงละ 15-30 นาที อาจปวดร้าวไปหลัง หรือบริเวณสะบักหลังหรือหัวไหล่ขวา และอาจมีคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย

‘นิ่วในถุงน้ำดี’ภัยใกล้ตัว

ในรายที่นิ่วอุดตันท่อน้ำดี อาจทำให้ผู้ป่วยมีไข้สูง หนาวสั่น และตาเหลือง การตรวจร่างกายที่ไม่มีอาการหรืออาการไม่รุนแรง มักตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่หากมีอาการปวดท้องรุนแรง เวลากดหน้าท้องใต้ชายโครงขวา ผู้ป่วยจะกลั้นหายใจ เนื่องจากปวดท้องมาก ไข้อาจสูงและตาเหลือง

นิ่วในถุงน้ำดีหากไม่รีบรักษาจะทำให้นิ่วที่อยู่ในถุงน้ำดีตกไป ในท่อน้ำดี กลายเป็นนิ่วในท่อน้ำดี มีความยุ่งยากในการรักษา และเสี่ยงอันตรายต่อชีวิต

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน