เลิกแนวคิดชายเป็นใหญ่งานบ้านทำได้ทุกเพศ

เลิกแนวคิดชายเป็นใหญ่งานบ้านทำได้ทุกเพศ – เพื่อสร้างกระแสเชิญชวนผู้ชายช่วยทำงานบ้าน มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่าย จัดกิจกรรมภายใต้แนวคิด “งานบ้านเป็นหน้าที่ของทุกคน ทำได้ทุกเพศ” หวังลดช่องว่างสร้างความเข้าใจที่ดีในครอบครัวและชีวิตคู่

เลิกแนวคิดชายเป็นใหญ่งานบ้านทำได้ทุกเพศ

น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่า ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวทุกคนในสังคมมีส่วนร่วมแก้ไขได้ เริ่มจากเรื่องใกล้ตัวในครอบครัวเช่นการช่วยกันทำงานบ้าน เลี้ยงลูกดูแลลูก ถือเป็นการนำเรื่องที่เข้าใจง่าย ใครๆ ก็ทำได้ แต่กระทบชิ่งไปถึงรากความคิดชายเป็นใหญ่ ความไม่เท่าเทียมระหว่างเพศอย่างเห็นได้ชัด

งานบ้านจึงเป็นจุดเริ่มต้นก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เห็นอกเห็นใจ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เสริมสร้างสัมพันธภาพที่ดีของคนในครอบครัว จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปลูกฝังตั้งแต่ยังเล็ก ทั้งในครอบครัวและระบบการศึกษา จะเป็นอีกหนึ่งวิธีเพื่อนำไปสู่การยุติความรุนแรงในครอบครัว

เลิกแนวคิดชายเป็นใหญ่งานบ้านทำได้ทุกเพศ

น.ส.จรีย์ ศรีสวัสดิ์ หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมภาคีเครือข่าย มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เผยว่า จากการลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นต่อการทำงานบ้านของกลุ่มผู้ชาย อายุ 18-50 ปี ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 1,995 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 9-14 พ.ย. 2562 พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ร้อยละ 54.9 มองว่าผู้ชายช่วยงานบ้านเป็นเรื่องที่ควรภาคภูมิใจ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ขณะที่ร้อยละ 16.9 ไม่เห็นด้วยต่อเรื่องนี้ ทั้งนี้เกินครึ่งคือร้อยละ 53.5 มองว่าผู้หญิงที่ดีต้องทำงานบ้าน เป็นแม่ศรีเรือน อย่าให้บกพร่อง โดยร้อยละ 47 มองว่าผู้ชายมีหน้าที่ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ที่น่าห่วงคือ 1 ใน 3 หรือร้อยละ 37.5 มองว่าแม้ผู้หญิงจะทำงานนอกบ้าน แต่งานบ้านก็ยังเป็นของผู้หญิงอยู่ดี อีกทั้งร้อยละ 33.2 ระบุว่างานบ้านไม่ใช่หน้าที่ของผู้ชายแต่เป็นหน้าที่ของผู้หญิง

สำหรับข้อเสนอแนะต่อประเด็นงานบ้านนั้น กลุ่มตัวอย่างผู้ชาย ร้อยละ 74.2 มองว่าครอบครัวมีส่วนช่วยปลูกฝังเรื่องการทำงานบ้านและสร้างทัศนคติที่ดีเรื่องความเสมอภาคระหว่างเพศตั้งแต่เด็กๆ ร้อยละ 73.3 เห็นว่าถึงเวลาเปลี่ยนแปลงให้งานบ้านเป็นงานของทุกคนและทำได้ทุกเพศทุกวัย

“จากผลสำรวจสะท้อนว่าผู้ชายบางส่วนยังเชื่อว่างานบ้านเป็นหน้าที่ผู้หญิง สาเหตุมาจากความคิดแบบชายเป็นใหญ่ ถูกบอกถูกสอนว่าผู้ชายต้องเป็นผู้นำ ส่วนผู้หญิงต้องทำงานบ้าน เลี้ยงลูก หากปล่อยให้ผู้ชายทำจะเสียศักดิ์ศรี ดังนั้นคงต้องเริ่มจากจุดนี้ ให้เขามองว่าการทำงานบ้านผู้ชายต้องทำได้ ไม่ใช่หน้าที่ฝ่ายหญิงฝ่ายเดียว จากการลงพื้นที่ไปทำงานร่วมกับกลุ่มผู้ชายชุมชน พบว่าหลังจากช่วยงานบ้านหลายรายเปลี่ยนไป ให้เกียรติผู้หญิงมากขึ้น ความสัมพันธ์ดีขึ้น ปัญหาต่างๆ ลดลง อยากให้ช่วยกันรณรงค์เรื่องนี้” น.ส.จรีย์กล่าว

เลิกแนวคิดชายเป็นใหญ่งานบ้านทำได้ทุกเพศ

ด้าน นายไบรอน บิชอฟ ซึ่งมาร่วมงานพร้อมภรรยา ซินดี้ สิรินยา บิชอฟ ดารานางแบบ กล่าวว่า ตนโตมาในครอบครัวที่มีพี่สาวและไม่ได้ถูกปลูกฝังว่าผู้หญิงเท่านั้นที่ต้องทำงานบ้าน แม่บอกว่าบ้านเป็นของเราทุกคน ถ้าอยากให้บ้านสะอาดน่าอยู่ก็ต้องช่วยกันทำ เมื่อมีครอบครัวจึงช่วยภรรยาทำงานบ้านและเลี้ยงลูก ไม่ได้คิดว่าเป็นหน้าที่ของใครคนหนึ่ง งานบ้านคือความท้าทาย เราอยากเป็น ซูเปอร์แมนในสายตาภรรยาและลูกๆ อะไรที่ทำให้ครอบครัวมีความสุขก็พร้อมทำให้ สิ่งที่จะช่วยยุติความรุนแรงภายในครอบครัวได้อีกอย่างหนึ่งคือต้องกล้าเปลี่ยนมุมมองความคิดและกล้าพูดคุยกันเพื่อครอบครัว ปลูกฝังและสอนให้ลูกๆ รู้จักงานบ้านตั้งแต่เล็กๆ เคารพในสิทธิเนื้อตัวร่างกายของผู้อื่นและตัวเอง

ขณะที่ จะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า จากการทำงานด้านนี้มายาวนาน ผู้ชายวัย 40 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่เชื่อว่างานบ้านเป็นงานของผู้หญิง เพราะเป็นความเชื่อที่ปลูกฝังผ่านรุ่นสู่รุ่นและเห็นพ่อแม่เป็นเช่นนั้น ทั้งยังเชื่อว่างานบางอย่างเป็นงานที่ผู้ชายทำไม่ได้ ส่วนคนรุ่นใหม่ๆ เริ่มเปลี่ยนแปลงบ้างแล้วด้วยเป็นยุคที่เริ่มคำนึงถึงความเท่าเทียมกัน เรื่องนี้ต้องใช้เวลาเพราะเป็นความเชื่อที่หล่อหลอมมานาน ต้องใช้ความเข้าอกเข้าใจกันในครอบครัวจึงจะเปลี่ยนแปลงได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน