เมื่ออายุเพิ่มขึ้นสัดส่วนที่เคยปังก็เหมือนจะเริ่มพัง เนื้อนุ่มนิ่มปรากฏออกมาตามส่วนต่างๆของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นห่วงยาง ท้องแขน ใต้คาง ต้นขา

ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดนี้เกิดจากไขมันที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ เข้ามาแทรกเป็นมือที่สามระหว่างความกระชับกับตัวคุณให้ออกห่างไปเรื่อยๆ

โค้ชดอน-ทนงศักดิ์ วงษาโสม Fitness Training and Development Manager จากฟิตเนส เฟิรส์ท กล่าวถึงไขมันซึ่งเป็นองค์ประกอบหนึ่งของร่างกายที่มีผลต่อสัดส่วนและสุขภาพโดยรวมว่า

“พอพูดถึงไขมันหลายๆ คนอาจจะนึกถึงความอ้วน การเจ็บป่วย และความเสี่ยงต่อโรคร้ายหลายชนิด แต่ไขมันเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่มีความจำเป็น และมีหน้าที่ต่อระบบการทำงานของร่างกายเหมือนกัน ดังนั้นจะมีมากไปหรือน้อยไปก็เป็นอันตรายได้”

ว่าแล้วก็แจกแจงถึงหน้าที่ของไขมันในร่างกายไว้ดังนี้

ให้พลังงาน ป้องกันการย่อยสลายโปรตีนที่มีอยู่ในร่างกายไปใช้

ช่วยดูดซึมวิตามิน A D E K

เป็นส่วนประกอบของเนื้อเยื่อประสาท

ช่วยให้ระบบในร่างกายทำงานได้อย่างปกติและมีประสิทธิภาพ

ป้องกันอวัยวะภายในช่องท้องและหน้าอก

เป็นทั้งฉนวนป้องกันความร้อนและป้องกันการสูญเสียความร้อนเพื่อรักษาความอบอุ่นของร่างกาย

โค้ชดอน บอกด้วยว่า ปัจจุบันจะเห็นว่าในฟิตเนสมีเครื่องชั่งน้ำหนัก ที่สามารถวัดองค์ประกอบร่างกายจากความต้านทานไฟฟ้าที่บอกปริมาณไขมันในร่างกายให้บริการสมาชิกในคลับด้วย

โดยสมาชิกสามารถใช้เครื่องชั่งประเภทนี้ตรวจสอบว่า ร่างกายมีปริมาณไขมันเท่าไร โดยดูจาก Body Fat Percentage

แล้ว Body Fat Percentage คืออะไร??? กูรูด้านสุขภาพอธิบายว่า

คือ สัดส่วนของไขมันในร่างกายที่คิดเป็นร้อยละเมื่อเทียบกับน้ำหนักร่างกาย ยกตัวอย่าง คนที่มีน้ำหนัก 60 กิโลกรัม ที่มีไขมันในร่างกาย 20% เท่ากับมีไขมันหนัก 12 กิโลกรัม เป็นต้น ขณะที่การออกกำลังกายและกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ยังส่งผลให้คนที่มีระดับเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายที่เท่ากันมีรูปร่างที่แตกต่าง เนื่องจากมีการใช้กล้ามเนื้อในลักษณะที่ต่างกัน เช่น นักเต้น นักกรีฑา นางแบบ ฯลฯ

คุณทนงศักดิ์ บอกด้วยว่า ยังมีเรื่องพื้นฐานทางร่างกายของหญิงและชาย ที่มีการกระจายไขมันไปสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกายที่มีความแตกต่างกันตามธรรมชาติ เช่น ผู้ชายมักจะมีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องมากกว่าผู้หญิง ขณะที่ผู้หญิงจะมีไขมันสะสมบริเวณสะโพกและต้นขามากกว่าผู้ชาย

และปริมาณไขมันสะสมในร่างกายที่จำเป็นสำหรับผู้หญิงยังมีสัดส่วนที่มากกว่าผู้ชายอีก เนื่องจากไขมันมีความจำเป็นต่อระบบการการเจริญพันธุ์หรือการตั้งครรภ์นั่นเอง ดังนั้นนอกจากการออกกำลังกายแล้ว เพศและวัยก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ให้รูปร่างของแต่ละคนมีความแตกต่างกันด้วย

ถึงกระนั้น Body Fat Percentage ก็เป็นดัชนีที่ใช้ประเมินองค์ประกอบร่างกายและสุขภาพ เพื่อใช้ในการกำหนดเป้าหมายและทิศทางการออกกำลังกาย ควบคู่ไปกับการกำหนดแนวทางโภชนาการที่เหมาะสมได้ดีอีกด้วย

สำรวจสัดส่วนและสุขภาพผ่าน Body Fat Percentage

ชาย 30% ขึ้นไป หญิง 40% ขึ้นไป ถือว่าปริมาณไขมันมากในระดับวิกฤต

• รูปร่างอ้วนกลม

• มองเห็นเซลลูไลต์บนผิวหนังได้ชัดเจน

• มีไขมันส่วนเกินกระจายอยู่ทุกส่วนของร่างกาย

• เมื่อใส่เสื้อผ้าจะเห็นเป็นชั้นๆ

ชาย 21-30% หญิง 31-40% ถือว่ามีปริมาณไขมันส่วนเกินในร่างกาย

• รูปร่างท้วม

• มีชั้นไขมันหนาหุ้มกล้ามเนื้ออยู่

ชาย 13-20% หญิง 23-30% ถือว่าปริมาณไขมันตามมาตรฐานทั่วไป

• รูปร่างสมส่วน

• สุขภาพอยู่ในเกณฑ์ดี

• มีสัดส่วนของร่างกายชัดเจน

• ยังไม่เห็นกล้ามเนื้อมากนัก

ชาย 9-12 % หญิง 19-22% ถือว่าปริมาณไขมันน้อย

• รูปร่างเพรียว กระชับ

• กล้ามเนื้อชัดเจนยิ่งขึ้น

• ผู้ชายที่ขยันออกกำลังกล้ามเนื้อหน้าท้องซิกซ์แพ็กจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ณ จุดนี้

ชาย 5-8% หญิง 15-18%

ปริมาณไขมันน้อยมาก

• รูปร่างเพรียวบาง

• เห็นกล้ามเนื้อชัดเจน

• สำหรับผู้หญิงที่มีการออกกำลังเพิ่มกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้อง นี่คือจุดที่คุณจะได้อวดซิกซ์แพคของตัวเองแล้ว

ชาย น้อยกว่า 5% หญิง น้อยกว่า 15% ถือว่าปริมาณไขมันน้อยจนถึงขั้นวิกฤต

• รูปร่างผอมติดกระดูก

• อันตรายต่อระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย

• ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว


นอกจากจะใช้เกณฑ์เหล่านี้เป็นตัววัดผลของการออกกำลังกายให้ได้กล้ามเนื้อและสัดส่วนตามต้องการแล้ว ปริมาณไขมันในร่างกายเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ช่วยย้ำเตือนและส่งสัญญาณให้ทุกคนหันมาใส่ใจสุขภาพ และสามารถใช้ชีวิตกับร่างกายที่แข็งแรงอย่างมีความสุขได้

รู้แล้วก็อย่ารอช้า ขึ้นชั่งน้ำหนักวัดค่า Body Fat Percentage วางแผนมีสุขภาพดีก่อนใครกันเลย!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน