น้ำแร่‘ยอดน่าน’ขุมทรัพย์เทวดา

ธุรกิจเพื่อสังคมของชาวสองแคว

รายงานพิเศษ

 

น้ำแร่‘ยอดน่าน’ขุมทรัพย์เทวดา – น่านเป็นเมืองท่องเที่ยว ที่เที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะถ้าไปแต่ละฤดูจะได้สัมผัสวิวทิวทัศน์แตกต่างกันไป ในส่วนของอ.สองแควเองก็มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอุทยานแห่งชาติถ้ำ สะเกิน น้ำตกห้วยตาด และจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนไทย-ลาว ฯลฯ นอกจากนี้ในพื้นที่บ้านยอด ต.ยอด อ.สองแคว ยังมีแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติ ซึ่งชาวบ้านได้รวมตัวกันจัดตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนน้ำแร่เพื่อสังคม โดยมี นายติ๊บ ใจมั่น เป็นประธาน และนายประชา แสนกลาง นายอำเภอสองแคว เป็นคนสำคัญในการผลักดัน

นายประชา แสนกลาง

 

นายประชาเล่าที่มาที่ไปของเรื่องนี้ให้ฟังว่า มีการตรวจพบแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติที่บ้านยอด ซึ่งมีปริมาณมากถึง 12 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี หรือประมาณ 12,000 ล้านลิตรต่อปี และได้ส่งตรวจจากแล็บทั้งของรัฐและเอกชนแล้วพบว่าเป็นน้ำแร่ที่มีแร่ธาตุเหมาะสมที่จะนำมาทำน้ำดื่ม จึง ผลักดันให้น้ำแร่ที่บ้านยอดเป็นทรัพย์ของแผ่นดิน โดยจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนน้ำแร่เพื่อสังคม ใช้ชื่อแบรนด์ว่า “ยอดน่าน” ให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ โดยให้คนบ้านยอดถือหุ้นมากกว่าชาวบ้านหมู่บ้านอื่นเพราะเป็นเจ้าของทรัพย์ประมาณ 55% ขายหุ้นละ 100 บาท คนหนึ่งถือหุ้นได้ไม่เกิน 1,000 หุ้น ทำเป็นลักษณะวิสาหกิจชุมชนเพื่อสังคมแต่บริหารในรูปบริษัท

 

“ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโรงน้ำดื่ม คาดว่าน่าจะเสร็จในเดือนเมษายนนี้ ส่วนกำลังการผลิตประมาณว่าผลิตได้ชั่วโมง(ช.ม.)ละ 1 หมื่นขวด วันหนึ่งผลิต 8 ซ.ม.ได้ 8 หมื่นขวด ภายใน 1 เดือนจะผลิตน้ำได้ 3 แสนลิตร มีการทำระบบกรองหยาบ กรองละเอียด กรองกลิ่น ผ่านอัลตราไวโอเลต และหาตัวจับแคลเซียมให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมเมื่อเราหาสูตรน้ำแร่ที่เหมาะสมได้แล้วจะเข้าสู่กระบวนการผลิตทันที โดยประสานให้สาธารณสุขจังหวัดมาดูแลขั้นตอนการผลิตน้ำให้ถูกสุขลักษณะ เราอยากให้ธุรกิจนี้เป็นของชุมชน อยากสื่อให้เห็นว่า จ.น่าน มีชุมชนที่รักษาทรัพย์ในดินที่มีประโยชน์ ช่วยกันรักษาป่าต้นน้ำแล้วเกิดทรัพย์ในดินที่ดี ไม่ใช่เกิดจากกลุ่มทุน แต่เป็นวิสาหกิจชุมชนของคนในพื้นที่จริงๆ”

ทั้งนี้ได้วางแผนไว้ว่า หากน้ำแร่ “ยอดน่าน” ขายได้มีกำไร จะขอให้แบ่งกำไรบางส่วนทำประโยชน์เพื่อสังคม 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการศึกษาเพื่อแบ่งปันให้กับเด็กที่ขาดโอกาส ด้านศิลปะ ความเชื่อ ศาสนา เนื่องจากสิ่งเหล่านี้เป็นอัตลักษณ์ของคนเมืองน่าน และด้านสิ่งแวดล้อม โดยนำเงินดังกล่าวมาพัฒนาบริเวณโดยรอบบ่อน้ำแร่เป็นแหล่งผลิตอาหารปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ หรือเป็นเกษตรอินทรีย์นั่นเอง

พร้อมกันนี้กำลังออกแบบตัวผลิตภัณฑ์ และโลโก้ของน้ำแร่อยู่ เบื้องต้นคิดไว้ว่าอาจใช้โลโก้ของสถาบัน ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ เนื่องจากเป็นผู้ที่เข้ามาบุกเบิกและให้องค์ ความรู้กับคนในพื้นที่บ้านยอด ผนวกกับโลโก้ของจังหวัดน่าน ช่วงที่ผ่านมาจึงประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านเร่งปรับ ภูมิทัศน์บริเวณรอบบ่อน้ำแร่แห่งนี้ และดูแลน้ำให้มีความสะอาด ตลอดจนทำความเข้าใจกับชาวบ้านที่ทำเกษตรโดยรอบรัศมี 5 กิโลเมตร ห้ามใช้สารเคมีโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันสารเคมีไหลลงสู่แหล่งน้ำแร่ เรื่องนี้ผู้ว่าฯน่าน รับทราบมาตลอด และได้จัดสรรงบประมาณ ปี2563 จำนวน 1 ล้านบาท เพื่อปรับภูมิทัศน์บริเวณแหล่งน้ำแร่

นายอำเภอสองแควบอกอีกว่า ในส่วนของตลาดน้ำแร่ จะเริ่มจากตลาดท้องถิ่นก่อน แล้วก้าวสู่ระดับจังหวัด โดยหาเอเย่นต์ตัวแทนจำหน่ายทุกอำเภอ ประสานภาคธุรกิจท่องเที่ยว และหน่วยงานราชการให้นำ น้ำแร่ “ยอดน่าน” วางไว้ในห้องประชุมด้วย และหากเป็นไปได้จะขอ การสนับสนุนจากกระทรวงมหาดไทยหาช่องทางให้ เด็ก ๆ ตามโรงเรียนต่าง ๆได้บริโภคน้ำแร่ สัปดาห์ละ 1 ขวด

“หากการบริหารงานน้ำแร่ของชาวบ้านยอดไปได้ดี อาจมีห้องแล็บเป็นของเราเอง และต่อยอดน้ำแร่ให้ได้มากกว่าการเป็นแค่น้ำดื่ม โดยอาจปรับแหล่งน้ำแร่ที่นี่ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ทำเป็นโฮมสเตย์ ต่อยอดโดยนำโคลนน้ำแร่ที่มีปริมาณมาก มาทำเป็นเครื่องสำอาง เปิดพื้นที่ตรงนี้ ทำซาวน่า อบสมุนไพร นวดแผนไทย เป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชนบริเวณนี้ไปด้วย ซึ่งท่านผู้ว่าราชการจังหวัดน่านได้ประสานให้ท่องเที่ยวจังหวัดเข้ามาดูพื้นที่แล้วว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง”

นอกจากจะปรับภูมิทัศน์โดยรอบเพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ จะจัดฝึกอบรมเกี่ยวกับการดูแลให้บริการนักท่องเที่ยวด้วย สำหรับการออกแบบสร้างโรงงานน้ำแร่ต้องให้สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติด้วย ตอนนี้เท่าที่ประเมินกันคร่าวๆ ต้องใช้เงินในการก่อสร้างอาคารโรงงานและเครื่องมืออุปกรณ์การผลิตต่างๆประเภทเครื่องกรองและอื่นๆ 4-5 ล้าน และต้องมีเงินทุนหมุนเวียนอีก 4-5 ล้าน รวม10 ล้านบาท ซึ่งกำลังเจรจากับทางสถาบันการเงิน บริษัทเอกชนและผู้สนใจในจ.น่านให้เข้ามาร่วมทำธุรกิจเพื่อสังคมนี้ แต่ต้องให้ชาวบ้านเป็นเจ้าของและเป็น ผู้ดำเนินการ เพื่อให้ชาวบ้านได้เรียนรู้การบริหารจัดการและอยู่ได้อย่างยั่งยืน โดยหน่วยราชการและภาคส่วนอื่นๆเป็นที่ปรึกษาให้

“ผมได้ย้ำกับชาวบ้านว่า แหล่งน้ำแร่แห่งนี้เปรียบเสมือนเทวดาบอกทรัพย์ให้ ดังนั้นอย่าโลภ ควรขายในราคาไม่แพง เพื่อให้ผู้บริโภคได้ดื่มน้ำแร่ดีมีคุณภาพในราคายุติธรรม แค่ได้กำไร ขวดละ 1 บาทก็พอ”

ด้านนายติ๊บ ใจมั่น ประธานวิสาหกิจชุมชนน้ำแร่เพื่อสังคม ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า วิสาหกิจชุมชนน้ำแร่ฯ มีสมาชิก 100 กว่าคน และนายอำเภอสองแควได้เชิญผู้เกี่ยวข้องประชุมปรึกษาหารือ ทั้งนายอุดม ทองสุข กำนันต.ยอด ตนและสมาชิก รวมถึงบริษัทเอกชนที่จะมาร่วมลงทุนในธุรกิจผลิตน้ำแร่ธรรมชาติที่บ้านยอด คาดว่าต้องใช้เงิน 10 ล้านบาท ในการสร้างโรงงานและจัดซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงเงินทุนหมุนเวียน

“ขณะนี้ได้รวบรวมเงินที่ชาวบ้านมาซื้อหุ้นได้ 4 ล้านกว่าบาท ซึ่งทางกลุ่มเปิดขายหุ้นละ 100 บาทและซื้อได้ไม่เกินคนละ1,000 หุ้น ผมเองซื้อหุ้นไปเป็นเงิน 10,000 บาท ส่วนสมาชิกคนอื่นๆซื้อกันคนละ 1-3 หมื่นบาท อย่างไรก็ตามทางนายอำเภอสองแควได้ขอให้กำนันต.ยอดไปชักชวนชาวบ้านในหมู่บ้านอื่นอีก 24 หมู่บ้าน มาซื้อหุ้นด้วย เพื่อให้ได้เงินทุนมากขึ้น รวมกับเงินที่บริษัทเอกชนจะเข้ามาร่วมซื้อหุ้นด้วย”

หลังจากนี้คงต้องติดตามกันว่าน้ำแร่ “ยอดน่าน”จะเดินหน้าธุรกิจ และต่อยอดไปในเชิงท่องเที่ยวได้ตามที่ตั้งเป้าไว้หรือไม่

ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน