เสริมไฮเทคฯพัฒนาเด็กไทย

ค้นพบตัวเอง ค้นพบอาชีพ

คอลัมน์ ไอคิวทะลุฟ้า

เพื่อมอบความรู้ให้เด็กและเยาวชนไทย รู้จักเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงโลก พร้อมผลักดันให้นักเรียน “ค้นพบตัวเอง ค้นพบอาชีพ และค้นพบความท้าทายในโลกอนาคต” บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด สานต่อค่าย Samsung Future Career Bootcamp Season 2 ยกเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคตมาอธิบายให้เด็กๆ เข้าใจถึงบทบาทของเทคโนโลยีเหล่านี้ที่จะมีต่อตลาดอาชีพในอนาคตอันใกล้

การเรียนการสอนภายในค่ายเปิดโอกาสให้คุณครูและนักเรียนชั้น ม.4 และนักศึกษาระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ชั้นปีที่ 1 จากทั่วประเทศ สมัครเข้าร่วมกิจกรรม โดยมีคุณครู นักเรียน และนักศึกษากว่า 200 คน เข้าร่วม แต่ละฐานกิจกรรมเน้นการเจาะลึกไปที่เทคโนโลยีที่กำลังทวีความสำคัญในปัจจุบัน เช่น จักรกลอัตโนมัติ (Automation) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Big Data เทคโนโลยีที่เป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจในยุคดิจิตอล

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่ชวนให้เด็กๆ คิดทบทวนถึงอาชีพในอนาคตของตัวเอง ผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning เกี่ยวกับอาชีพในฝันว่าจะได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างไรบ้าง ทำให้นักเรียนสามารถค้นหาคำตอบด้านความมั่นคงและโอกาสทางอาชีพของพวกเขา พร้อมทั้งสามารถวางแผนพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับอาชีพนั้นๆ และใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ต่อการทำงาน

นายสุวิจักขณ์ โชติกเดชาณรงค์ นักเรียนโรงเรียนปทุมวิไล จ.ปทุมธานี หนึ่งในผู้เข้าร่วมกิจกรรม กล่าวว่าการมาค่ายในครั้งนี้ช่วยให้เข้าใจเทคโนโลยีมากขึ้นว่าสำคัญอย่างไร และในอนาคตจะเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของอาชีพต่างๆ ในอนาคตอย่างไร “อย่าง Automation ก็ไม่ได้จะเข้ามาแทนที่คน แต่จะช่วยทุ่นแรงคนให้ลำบากน้อยลง ก่อนมาเข้าค่ายผมยังไม่แน่ใจว่าอยากเรียนด้านไหน

แต่ตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่าอยากเรียนสายคอมพิวเตอร์ เพราะสนใจเกี่ยวกับหุ่นยนต์ ในอนาคตเทคโนโลยีอาจจะเข้ามาในชีวิตเราอีกมาก แต่ในฐานะเด็กยุคใหม่ผมมั่นใจว่าสามารถปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีได้”

สุวิจักขณ์

ด้าน น.ส.วาสินี ดำรงค์มงคลกุล คุณครูโรงเรียนเซนต์เมรี่ จ.อุดรธานี กล่าวว่า “วันนี้ ได้เรียนเกี่ยวกับเทคโนโลยีหลากหลาย เข้าใจมากขึ้นว่ามันคืออะไร มองเห็นชัดเจนว่าชีวิตของนักเรียนในอนาคตจะพัฒนาดีขึ้น แต่ก็มีอีกหลายอาชีพที่จะหายไปเช่นกัน การได้มาพูดคุยกับคุณครูจากจังหวัดอื่นทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนไอเดียการแนะแนวด้วย

ตอนนี้หลายโรงเรียนน่าจะมีปัญหาเดียวกันคือนักเรียนไม่รู้ความชอบหรือความถนัดของตัวเอง ทำให้เกิดปัญหาระยะยาว เช่น การเสียเวลาไปเรียนต่อด้านที่ไม่ชอบหรือไม่ถนัด เสียทั้งเงิน เวลา และโอกาส แต่แบบทดสอบพหุปัญญาจะเป็นตัวช่วยให้เด็กค้นหาตัวตน ความถนัด ความชอบ และลดความเครียด ที่เกิดขึ้นจากแรงกดดันต่างๆ”