ล่องแก่งลำน้ำเข็ก ชมบีโกเนียในหน้าฝน – หลังจากมีฝนตกลงมาแล้วในหลายพื้นที่ ส่งผลให้น้ำจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ไหลลงสู่ลำน้ำเข็ก อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการล่องแก่งลำน้ำเข็ก ที่ ขณะนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวมาผจญภัยกันอย่างต่อเนื่อง

ลำน้ำเข็ก เป็นลำน้ำที่กำเนิดจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ในเขต อ.เขาค้อ แล้วไหลผ่านอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง เป็นน้ำตกศรีดิษฐ์ น้ำตกแก่งโสภาที่เลื่องชื่อของพิษณุโลก น้ำตกปอย น้ำตกแก่งซอง และน้ำตกวังนกแอ่น แล้วไหลผ่านอ.วังทอง ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นแม่น้ำวังทอง ไปรวมกับแม่น้ำน่านที่อ.บางกระทุ่ม

เป็นลำน้ำขนาดไม่ใหญ่นัก ในช่วงหน้าฝนน้ำจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล และในช่วงหน้าแล้งจะเป็นสีเขียวใส ลำน้ำเข็กจะไหลคดเคี้ยวไปตามซอกเขาใหญ่น้อยตั้งแต่เทือกเขาเพชรบูรณ์ จนผ่านเข้าสู่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงจะมีเกาะแก่งมากมาย เช่น แก่งวังน้ำเย็น ในอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง

ในเขตพื่นที่หน่วยหนองแม่นา และไหลเคียงคู่กับทางหมายเลข 12 ตามลำน้ำจะมีเกาะแก่งมากมาย ความรุนแรงของกระแสน้ำจะขึ้นอยู่กับระดับน้ำ ถ้าเป็นช่วงหน้าฝนตกชุก ความรุนแรงของกระแสน้ำจะมากตามมาด้วย

ส่วนจุดเด่นของลำน้ำเข็ก เป็นลำน้ำที่สามารถนำเรือยางมาใช้ล่องแก่งได้อย่างสนุกสนาน เร้าใจตลอดเส้นทาง คือ ตั้งแต่บ้านปากยาง ต.ทรัพย์ไพรวัลย์ อ.วังทอง ลงไปจนถึงน้ำตกแก่งซอง รวมระยะทาง 8 กิโลเมตร ใช้เวลาในการล่องแก่งไม่เกิน 3 ชั่วโมง แล้วแต่ระดับน้ำจะมากหรือน้อย

ตั้งแต่จุดเริ่มต้นล่องแก่ง จะพบกับแก่งต่างๆ ที่มีความรุนแรงตั้งแต่ระดับ 1-2 แล้วค่อยๆ รุนแรงถึงระดับ 4-5 ในช่วงท้ายๆ ทำให้มีเวลาซักซ้อมฝีพายก่อน และบางแก่งจะมีความยาวของแก่งต่อเนื่องกันเป็นระยะหลายร้อยเมตร








Advertisement

การเดินทางมาล่องแก่งนี้มีความสะดวก เพราะลำน้ำจะอยู่ใกล้ถนน คือ ลงจากรถยนต์ก็สามารถขึ้นแพยางได้เลย แล้วเมื่อถึงจุดขึ้นจากแพยางก็สามารถขึ้นรถต่อได้เช่นกัน ไม่ต้องเดินทางไกลเหมือนสถานที่อื่นๆ

นายนภดล กันแตง ผู้ประกอบการล่องแก่งลำน้ำเข็ก กล่าวว่า กระแสน้ำวันนี้เริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น เนื่องจากมีฝนตกลงมา ทำให้มีน้ำหลากเข้าสู่ลำน้ำเข็ก ทำให้น้ำอยู่ที่ 200-300 ของมวลน้ำในการล่องแก่ง นักท่องเที่ยวสามารถ ล่องแก่งได้อย่างปลอดภัย

ในปีนี้ทางชมรมล่องแก่งลำน้ำเข็ก ได้ตระหนักถึงการแพร่ระบาดโควิด-19 จึงไม่ได้อนุญาตให้นักท่องเที่ยวล่องแก่งลักษณะเข้าร่วมกลุ่ม คือถ้ามาคนเดียวก็สามารถล่องแก่งกับนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นได้เหมือนในปีที่ผ่านมา ปีนี้จะแยกออกให้ชัดเจนมากขึ้น

 

นายสบธนา อั๋นประเสริฐ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพิษณุโลก เปิดเผยว่า ในปีนี้การล่องแก่งลำน้ำเข็กได้เริ่มขึ้นแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้เปิดเทศกาลอย่างเป็นทางการ แต่นักท่องเที่ยวสามารถมาผจญภัยกับสายน้ำ ลำน้ำเข็กได้ ลำน้ำเข็กตั้งอยู่ริมถนน เข้าถึงสะดวก ไม่ต้องเดินเท้าเข้าป่าแบกเรือยางให้เหนื่อย และสองฟากฝั่งยังมีทัศนียภาพของธรรมชาติที่สวยงามอีกด้วย

ที่สำคัญคือมีความปลอดภัยสูง เพราะมีการดูแลตลอดกิจกรรมโดยนายหัวและนายท้าย ที่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการล่องแก่งมาอย่างดี นักท่องเที่ยวที่มาล่องแก่งจะต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันภัย เสื้อชูชีพ หมวกนิรภัย เพื่อช่วยลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ และต้องรับฟังคำสั่งของนายหัวและนายท้ายอย่างเคร่งครัด

“ปีนี้ได้เน้นย้ำให้ผู้ประกอบการล่องแก่งจะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 คือ ไม่ให้ นักท่องเที่ยวต่างกรุ๊ปมานั่งแพล่องแก่ง ลำเดียวกัน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดที่อาจเกิดขึ้นได้” นายสบธนากล่าวทิ้งท้าย

ผู้ที่สนใจกิจกรรมล่องแก่งลำน้ำเข็ก สอบถามสภาพของสายน้ำก่อนกำหนดนัดหมายทำกิจกรรม ได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพิษณุโลก โทร. 0-5525-2742 หรือ 0-5525-2743 หรือ เพจการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพิษณุโลก

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยว ชื่อดัง ในอ.นครไทย จ.พิษณุโลก ซึ่งตั้งอยู่บนรอยต่อของ อ.ด่านซ้าย จ.เลย และอ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์

บนภูหินร่องกล้ามีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที โดดเด่นอย่าง พิพิธภัณฑ์การสู้รบ โรงเรียนการเมืองการทหาร กังหันน้ำ สำนักอำนาจรัฐ โรงพยาบาลรัฐ ลานอเนกประสงค์ สุสาน ที่หลบภัยทางอากาศ หมู่บ้านมวลชน

ส่วนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นธรรมชาติแสนอัศจรรย์คือ ลานหินแตก ลานหินปุ่ม ผาชูธง น้ำตกหมันแดง น้ำตกร่มเกล้า-ภราดร เป็นต้น

ในช่วงฤดูฝน นักท่องเที่ยวสามารถมาชมความงามของธรรมชาติบนภูหินร่องกล้าได้ จะพบดอกไม้ป่าหลายชนิดกำลังเบ่งบานสวยงาม ไม่ว่าจะเป็น ดอกเปาะภู ดอกตาเหินไหว และต้นบีโกเนีย ที่ต่างชูช่อเบ่งบานชักชวนให้เชยชมตลอดเส้นทางเดินท่องธรรมชาติ

นายสุริยา กาละสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนนี้ ทำให้ธรรมชาติบนภูหินร่องกล้า กลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง ดอกไม้ป่าขึ้นตามธรรมชาติสวยงาม เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงาม โดยเฉพาะใบบีโกเนีย ที่ขึ้นตามโขดหินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ผาชูธง และลานหินปุ่ม สวยงามมาก

มีทั้งที่เป็นไม้พุ่ม ไม้เลื้อย มีเหง้าทอดเลื้อย บางชนิดมีหัวอยู่ใต้ดิน ลำต้นเห็นข้อปล้องชัดเจน แผ่นใบเรียงสลับ จุดเด่นของพืชสกุลนี้คือ แผ่นใบที่เบี้ยวหรือไม่สมมาตรกัน แต่มีรูปทรง สีสัน และลวดลายบนแผ่นใบสวยงามแตกต่างกัน ดอกออกเป็นช่อกระจะ หรือช่อกระจะแยก แขนงตาม ซอกใบหรือปลายกิ่ง ดอกมีหลายสี ทั้งสีขาว ชมพู แดง ส้ม เหลือง

บีโกเนีย จะออกดอกเต็มที่ในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค.ของทุกๆ ปี

โดย อนุชา แก้วคำมา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน