เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็มีกระแสเกี่ยวกับ “ตุ๊กตาลูกเทพ” ของขลังที่ผู้คนมักพาไปไหนมาไหนด้วย เรียกว่าเลี้ยงดูแลกันเหมือนลูกเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม หรือการบริการต่างๆ ตามความเชื่อที่ว่า หากดูแลดี “ตุ๊กตาลูกเทพ” นั้นก็จะตอบแทนเราในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโชคลาภ การทำงาน แม้กระทั่งความรัก

ตุ๊กตา ,ลูกเทพ

และจากประเด็นล่าสุด “ตุ๊กตาลูกเทพ” ที่ปลุกเสกจากเถ้ากระดูกผีตายโหง และดิน 7 ป่าช้าจากสำนักพ่อครูหมีที่ใครๆ ก็อยากได้ไว้คู่กาย เพื่อที่จะได้นำโชคดีมาให้แก่ผู้ที่ครอบครอง

แต่ก็ไม่ใช่ตุ๊กตาทุกตัวที่จะนำความโชคดีมาให้ เพราะบางตัวกลับกลายเป็นที่สิงสู่ของบรรดาปีศาจร้าย และวิญญาณอาฆาตแทน

วันนี้จึงจะพาทุกคนมาสัมผัสความหลอนแบบไม่ต้องปลุกเสกกับตุ๊กตาสุดเฮี้ยนทั่วโลก บอกเลยว่าหลอนกว่าที่คิดแน่!!

พ่อครูหมี

มาเริ่มต้นตัวแรกกับ “คิคุโกะ” ตุ๊กตาที่ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น โดยตุ๊กตาตัวนี้เป็นของ “คิคุโกะจัง” ซึ่งเป็นตุ๊กตาที่พี่ชายของเธอซื้อให้ คิคุโกะจังรักตุ๊กตาตัวนี้มากไม่ว่าจะกินจะนอน หรือทำอะไรก็ตามจะพาตุ๊กตาตัวนี้ไปด้วยทุกที่

จนมาวันหนึ่งที่คิคุโคะจังป่วย และเสียชีวิตลงในวัย 3 ขวบ พ่อแม่ของเธอจึงนำตุ๊กตาไปวางไว้ที่ป้ายวิญญาณของเธอ โดยหวังว่าจะเป็นเพื่อนเล่นกับคิคุโกะจัง วันเวลาผ่านไปเมื่อพี่ชายกลับไปที่สุสานอีกครั้ง พบว่าตุ๊กตานั้นมีผมที่ยาวขึ้น และมีรอยยิ้มที่ต่างจากเดิม เขาจึงตัดสินใจนำตุ๊กตาไปไว้ที่วัด ซึ่งผมของตุ๊กตาตัวนี้ก็ยังยาวขึ้นในทุกๆ ปี ทางวัดเลยจะจัดพิธีตัดผม และเปลี่ยนชุดกิโมโนให้กับคิคุโคะในทุกๆ ปี








Advertisement

ตุ๊กตา ,คิคุโกะ

มาต่อกับตัวที่สอง “คัจจา” ตุ๊กตาจากประเทศรัสเซีย โดยมีตำนานมาจากนางสนมของพระเจ้าซาร์ ที่กำลังตั้งครรภ์นั้น ได้คาดหวังว่าเมื่อคลอดจะได้เด็กผู้ชายที่แข็งแรง แต่เธอกลับคลอดลูกออกมาเป็นเด็กผู้หญิงและไม่สมบูรณ์ ทำให้เด็กหญิงนั้นถูกเผาทั้งเป็น

ด้วยความเสียใจของนางสนม จึงนำเถ้ากระดูกมาผสมกับดินแล้วปั้นตุ๊กตาขึ้น ทั้งยังมีเรื่องเล่ามากมายไม่ว่าจะเป็น เรื่องที่ว่าหากใครจ้องคัจจา ประมาณ 20 วินาที แล้วคัจจากระพริบตากลับ คนนั้นจะได้พบกับเรื่องโชคร้าย คุณกล้าพอที่จะจ้องตาคัจจาหรือเปล่า?

ตุ๊กตา ,คัจจา

ตุ๊กตาตัวที่สาม “แมนดี้” ตุ๊กตาจากประเทศแคนาดา ตุ๊กตาหน้าร้าวที่ถูกบริจาคให้กับพิพิธภัณฑ์เควสเนล

โดยผู้บริจาคตุ๊กตาให้นั่นเล่าว่า ตุ๊กตานี้เป็นของคุณยายของเธอ ที่เธอเอามาบริจาค เพราะว่าทุกครั้งที่เธอได้ยินเสียงเด็กร้องไห้มาจากชั้นใต้ดินบ้านของเธอ เมื่อลงไปดูจะพบตุ๊กตาแมนดี้หล่นอยู่ที่พื้น และหน้าต่างที่ถูกปิดไว้จะเปิดออก

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เธอจึงนำมาบริจาคให้พิพิธภัณฑ์แล้วเธอก็ไม่เจอเหตุการณ์นี้อีก แต่ความหลอนกลับย้ายมาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แทน เพราะคนที่มาชมตุ๊กตาตัวนี้จะรู้สึกแปลกๆ และหากพยามถ่ายรูปแมนดี้ก็จะมีแสงวูบวาบในภาพ ไม่ก็มัวตลอด

ตุ๊กตา ,แมนดี้

ตุ๊กตาตัวที่สี่ “โรเบิร์ต” ตุ๊กตาตัวนี้เป็นของ “โรเบิร์ต ยูจีน ออตโต้” ซึ่งเป็นตุ๊กตาที่ได้มาจากพี่เลี้ยงของเขา โรเบิร์ตชอบตุ๊กตาตัวนี้มาก จนตั้งชื่อให้ว่า “โรเบิร์ต” และเรียกตัวเองว่า “จีน” แทน

โดยจีนนั้นใช้เวลากับโรเบิร์ตตลอดเวลาไม่ว่าจะกินหรือนอน จีนบอกว่าโรเบิร์ตนั้นคือเพื่อนที่ดีที่สุด จนพ่อแม่เห็นว่าจีนเริ่มพูดคุยกับตุ๊กตา ข้าวของในบ้านเริ่มพังเสียหาย พอพ่อแม่ถามจีนจะบอกทุกครั้งว่าเป็นฝีมือของโรเบิร์ต

เมื่อจีนโตขึ้นเขาก็ยังอยู่กับโรเบิร์ต ในช่วงเวลาที่ไม่มีคนอยู่บ้าน เพื่อนบ้านมักเห็นตุ๊กตาเคลื่อนไหวได้เอง และเมื่อจีนเสียชีวิตลง ก็มีครอบครัวใหม่มาอยู่ในบ้านของจีน โรเบิร์ตก็เริ่มอาละวาดอีกครั้ง แต่ครั้งที่หนักที่สุดคือลูกของเจ้าของบ้านนั้นได้ร้องโวยวาย บอกว่าตุ๊กตานั้นจะเข้ามาทำร้ายเธอ โรเบิร์ตจึงถูกย้ายไปอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ ฟอร์ท อีสต์ เมลเทโรแทน และคนที่ไปเยี่ยมชมมักบอกว่าถูกจ้องมองตลอดเวลา

ตุ๊กตา ,โรเบิร์ต

และตัวสุดท้ายตุ๊กตาหลอนชื่อดังอย่าง “แอนนาเบลล์” พูดเลยว่าไม่มีใครไม่รู้จักแน่นอน กับความหลอนที่เลื่องลือมากจนนำเรื่องไปสร้างเป็นภาพยนต์หลายเรื่อง

แอนนาเบลล์

โดยที่เรื่องราวความหลอนนั้น เริ่มจากที่แม่ซื้อตุ๊กตาตัวหนึ่งให้ลูกสาว “ดอนน่า” ที่เป็นนักศึกษาพยาบาล ช่วงที่เธอย้ายไปอยู่หอกับเพื่อนก็ได้นำตุ๊กตาตัวนี้ไปด้วย

ความหลอนต่างๆ ก็เริ่มเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตานั้นขยับ รวมถึงเปลี่ยนที่เองได้ ในพื้นห้องก็มักมีเศษกระดาษที่เขียนด้วยลายมือเด็กว่า “ช่วยด้วย” ต่อมาเธอพบว่า ตุ๊กตานั้นขึ้นไปอยู่บนเตียง และมีรอยสีแดงติดอยู่ที่ตุ๊กตา ด้วยความหวาดกลัวเธอจึงไปขอคำแนะนำจากนักสื่อวิญญาณ

จนเมื่อเสร็จพิธีจึงรู้ว่าในตุ๊กตานั้นมีวิญญาณเด็กหญิง 7 ขวบ ที่มีชื่อว่า “แอนนาเบลล์ ฮิกกินส์” สิงอยู่ซึ่งเธอได้ถูกพบว่าเสียชีวิตบนพื้นที่บริเวณที่หอของดอนน่าตั้งทับอยู่นั่นเอง

“แอนนาเบลล์” นั้นชอบดอนน่า และรูมเมทของเธอมาก อยากมาอยู่ด้วย และต้องการความรักจากทั้งสอง ด้วยความสงสาร ดอนน่าจึงให้แอนนาเบลล์มาอยู่ในตุ๊กตาได้ แต่ต่อมาไม่นานพวกเธอก็ได้รู้ว่าแอนนาเบลล์นั้นไม่ใช่วิญญาณเด็กหญิงไร้เดียงสา แต่เป็นปีศาจร้ายที่สร้างความเขย่าขวัญให้ทุกคนที่เข้าใกล้ไม่เว้นวัน

Annabelle

เมื่อดอนน่าเริ่มเชื่อว่าวิญญาณที่อยู่ในห้องนั้นไม่ธรรมดา จึงได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากบาทหลวง ซึ่งเขาไม่สามารถจัดการได้ เนื่องจากวิญญาณตัวนี้มีพลังอำนาจลี้ลับที่สูงมาก จึงได้ติดต่อ “เอด และ ลอร์เรน วอลเรน” มาเพื่อช่วยจัดการ พอได้สอบถามกับดอนน่า และรูมเมท

ทั้งคู่จึงสรุปได้ว่า ตุ๊กตานี้นั้นไม่ได้ถูกสิง แต่ถูกชักใยด้วยวิญญาณชั่วร้าย มันไม่ได้ต้องการที่จะอยู่ในตุ๊กตา แต่มันต้องการอยู่ในคนต่างหาก และเมื่อทั้งคู่ทำพิธีเสร็จจึงได้นำตุ๊กตาตัวนี้กลับไปด้วย

เอด วอลเรน ,ลอร์เรน วอลเรน

ระหว่างทางที่เอด และ ลอร์เรน กำลังกลับบ้านทั้งคู่ก็สัมผัสได้ถึงความชั่วร้าย จนหวิดที่จะเกิดอุบัติเหตุ เมื่อถึงบ้านเหตุการณ์ปั่นป่วน น่ากลัว และนำเหตุการณ์ร้าย มาให้กับครอบครัววอลเรน และคนที่เข้าใกล้มัน พวกเขาจึงตัดสินใจทำตู้พิเศษขึ้นไว้ เพื่อใส่แอนนาเบลล์ ซึ่งตู้นี้จะตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ออคคัลท์ หลังจากนั้นเหตุการณ์ร้ายต่างๆ ก็ไม่เกิดขึ้นอีก

ตุ๊กตาแอนนาเบล

แต่เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีข่าวลือแพร่ออกมาว่า “แอนนาเบลล์” นั้นได้หลบหนีออกมาจากตู้ได้ จน “โทนี่ สเปร่า” นักปีศาจวิทยา และเป็นลูกเขยของที่เอด และ ลอร์เรน ได้ออกมาถ่ายคลิปยืนยันว่าแอนนาเบลล์ยังไม่ได้หนีไปไหน ทั้งยังยืนยันว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ มีมาาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด และยังมีการติดตั้งเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อความปลอดภัย

โทนี่ สเปร่า

ใครที่รู้สึกว่าหลอนแล้วพูดเลยว่ามีหลอนกว่านี้อีก แต่เรื่องแบบนี้จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลต้องฟังหูไว้หู

แต่ถ้าเห็นก็อย่าไปทักละกัน หวังว่าคืนนี้จะนอนหลับฝันดีกับตุ๊กตาข้างเตียง!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน