แอปเปิ้ลอีเวนต์เปิดตัว ไอโฟน 12 ใหม่ 4 รุ่น ทุกรุ่นรองรับ 5G ได้ชิปใหม่ ประมวลผลเร็ว กล้องเทพ มาดูความแตกต่างเน้น ๆ ทีละข้อ ว่าควรซื้อหรือรอก่อน

งาน แอปเปิ้ล อีเวนต์ (ออนไลน์) จัดขึ้นโดย เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563 เวลา 00:00 น. (เวลาประเทศไทย) โดยแอปเปิ้ลได้เปิดตัวไอโฟน 12 รุ่นใหม่ ทั้ง 4 รุ่น ได้แก่ ไอโฟน 12 ,ไอโฟน 12 โปร ,ไอโฟน 12 โปรแม็กซ์ และไอโฟน 12 มินิ

มาดูกันทีละข้อ ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้ไอโฟน 12 ใหม่และแตกต่าง จากไอโฟน 11

จอภาพ จอภาพ Super Retina XDR , จอภาพ OLED ทั้งหน้าจอ ขนาด 6.1 นิ้ว (แนวทแยง) ,
ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซลที่ 460 ppi ,อัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1
ความสว่างสูงสุด 1,200 นิต (HDR)
ขนาดและน้ำหนัก ความสูง 146.7 มม. ความกว้าง 71.5 มม. ความหนา 7.4 มม. น้ำหนัก 162 กรัม


การทนน้ำ น้ำที่กระเด็นใส่ และฝุ่น ที่ระดับ IP68 (ความลึกไม่เกิน 6 เมตรภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที) ตามมาตรฐาน IEC 60529
ชิป ชิป A14 Bionic Hexa core ,Neural Engine เจเนอเรชั่นถัดไป

กล้องหลัง ระบบกล้องคู่ ความละเอียด 12MP (อัลตร้าไวด์และไวด์) อัลตร้าไวด์: รูรับแสงขนาด ƒ/2.4 ไวด์: รูรับแสงขนาด ƒ/1.6 ,HDR อัจฉริยะ 3 สำหรับภาพถ่าย

การบันทึกวิดีโอกล้องหลัง บันทึกวิดีโอ HDR ในแบบ Dolby Vision สูงสุด 30 fps ,ไทม์แลปส์ในโหมดกลางคืน
กล้องหน้า บันทึกวิดีโอ HDR ในแบบ Dolby Vision สูงสุด 30 fps , HDR อัจฉริยะ 3 สำหรับภาพถ่าย
โหมดกลางคืน ,Deep Fusion
ระบบเซลลูลาร์และระบบไร้สาย 5G (sub-6 GHz) / GPS, GLONASS, Galileo, QZSS และ BeiDou ในตัว
การโทรแบบวิดีโอ FaceTime HD (1080p) ผ่าน 5G หรือ Wi‑Fi
การเล่นวิดีโอ การรองรับ HDR ในแบบ Dolby Vision, HDR10 และ HLG
พลังงานและแบตเตอรี่ การชาร์จแบบไร้สายในแบบ MagSafe และ Qi11

ข้อเหมือนและแตกต่างสำคัญของไอโฟน 12 ในรุ่นทั้ง 4

iPhone 12 Mini มีสเปกสำคัญเหมือนกับ iPhone 12 รุ่นอื่น ข้อแตกต่างคือมีหน้าจอเล็กกว่า และราคาที่ต่ำกว่า
iPhone 12 ทุกรุ่นรองรับ 5G และใช้ชิปเซ็ตรุ่นเดียวกันคือ A14 Bionic Hexa core
มีเพียง iPhone 12 และ iPhone 12 Mini เท่านั้น ที่มีความจุเริ่มต้นที่ 64GB
iPhone 12 Pro / Pro Max มีกล้องหลัง 3 ตัว และมีเลนส์ telephoto เสริมให้สามารถซูมแบบ Optical และมาพร้อมเซ็นเซอร์ LiDAR สำหรับวัดระยะชัดลึก (iPhone 12 Pro Max มีเซ็นเซอร์รับภาพใหญ่กว่ารุ่นอื่น โดยสามารถ Optical zoom ได้ไกล 5 เท่า)
iPhone 12 ทุกรุ่นไม่มีหูฟังและอแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่มาให้ในกล่อง มีแค่ตัวเครื่องและสาย USB-C to Lightning เท่านั้น

ไอโฟน 12 (ราคาแปลงจากสกุลเงินต่างประเทศ) สนนราคา อยู่ที่

64GB = 829 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 25,xxx บาท
128GB = 879 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 27,xxx บาท
256GB = 979 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 30,xxx บาท

โดยสรุปแล้ว จุดเด่นของไอโฟน 12 คือ การรองรับ 5G ได้ชิปใหม่ที่ประมวลผลเร็วขึ้น จอคุณภาพดีขึ้น ตัวเครื่องเบาบางขึ้น ทนน้ำและฝุ่นได้ดีกว่าเดิม กล้องหน้าและหลังดีขึ้น และมีอุปกรณ์เสริม Magsafe (การเกาะติดเครื่องด้วยระบบแม่เหล็ก)

หากเป็นผู้ใช้งานโดยทั่วไปอาจไม่รู้สึกถึงความต่างมากนัก เพราะไอโฟน 11 ก็มีสเปกที่เพียงพอแล้ว แต่ถ้าหากผู้ใช้มีการใช้งานในด้านที่ต้องเน้นการประมวลผลที่เร็วและจำเป็นต้องใช้กล้องที่คุณภาพดี ฟังก์ชั่นเยอะ และคล่องตัว ไอโฟน 12 ก็เหมาะกว่าเพราะสามารถตัดต่อรูปภาพและวิดีโอได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพสูง

ปัจจุบันทาง Apple ยังไม่มีการประกาศราคาและวันเปิดให้สั่งซื้อในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน