นักเรียน นักศึกษา และประชาชนร่วมถ่ายทอดผลงานศิลปะ เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกประชาชนชาวไทยในการทำความดีตามแนวพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในโครงการปลุกจิตสำนึกรู้คุณแผ่นดิน ปีที่ 6 ภายใต้แนวคิด “สืบสานพระราชปณิธาน พร้อมใจภักดีแด่องค์ราชัน” จัดขึ้นโดยกรมกิจการพลเรือน ทหารบก มีผลงานเข้าร่วมประกวดจากนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วประเทศ แบ่งเป็นหนังสั้น 234 เรื่อง ภาพวาด 1,862 ชิ้น และสุนทรพจน์ 483 เรื่อง

พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการรู้คุณแผ่นดิน ที่ลานสแควร์ บี และ ซี ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมมอบรางวัลการประกวดภาพวาด ภาพยนตร์สั้น และสุนทรพจน์ ที่มีความคิดสร้างสรรค์ โดดเด่น สร้างแรงบันดาลใจสืบสานพระราชปณิธาน

ด.ช.ปัณณวิชญ์ โพธาภินันท์ หรือ น้องอั่งเปา จากโรงเรียนอนุบาลนวพร เจ้าของรางวัลชนะเลิศภาพวาด ระดับประถมศึกษา โดยวาดภาพตัวเองและพี่ขี่จักรยานไปปลูกต้นไม้พร้อมกับเพื่อนๆ น้องอั่งเปาเล่าว่า

“ผมกับพี่ช่วยกันปลูกต้นไม้ถวายในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่อยู่บนสวรรค์ ผมกับพี่อยากจะสืบสานพระราชปณิธานของในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยการปลูกต้นไม้ครับ”

รางวัลชนะเลิศภาพวาดระดับมัธยมศึกษา ตอนต้น ได้แก่ น.ส.พรนภา หารโงน โรงเรียนศรีสงครามวิทยา วาดภาพสีน้ำ พรนภาบอกว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นแบบอย่างการดำเนินชีวิต พระองค์ทรงเป็นผู้ให้ ทรงสอนให้ขยันหมั่นเพียร อดออม ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง

“หนูใช้เวลาวาดหนึ่งสัปดาห์ วาดรูปในหลวงรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 โดยมีประชาชนที่กำลังประกอบอาชีพต่างๆ ยึดความพอเพียง เป็นไปตามคำสอนของพระองค์ท่าน หนูรู้สึกภูมิใจที่ได้วาดภาพนี้และเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนทำความดีถวายในหลวง”

น.ส.พิสชา พ่วงลาภ โรงเรียนศรีสงครามวิทยา สาวน้อยจากจังหวัดเลย ผู้ชนะเลิศรางวัลภาพวาดระดับมัธยมปลาย บอกว่า ผลงานการวาดโดยการแกะสลักจากไม้นี้ตั้งใจใช้ไม้แกะสลักด้วยมือ ในภาพเป็นทหารชายแดนที่เป็นครูกำลังกอดแม่เพื่อลาไปทำหน้าที่สอนหนังสือ ในภาพมีหนังสือที่เกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 อยู่ด้วย

“การทำหน้าที่มีความสำคัญ แม้จะคิดถึงแม่แต่สุดท้ายก็ต้องไปทำหน้าที่ ต้องเสียสละ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นแบบอย่างทรงทุ่มเทแรงกาย แรงใจทำหน้าที่เพื่อพสกนิกรโดยไม่หวังผลตอบแทน”

ส่วนรางวัลชนะเลิศภาพวาด ระดับอุดมศึกษา นายอิทธิฤทธิ์ นุ่นนาแซง นักศึกษาปีที่ 4 มหาวิทยาลัยศิลปากร ใช้เทคนิคการวาดภาพในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยสีฝุ่น อิทธิฤทธิ์อธิบายว่า “ภาพนี้ผมสื่อว่าท่านเป็นเหมือนร่มโพธิ์ทองที่โอบกอดพวกเราไว้ คอยเฝ้าปกป้องดูแล หากพระองค์เสด็จไปที่ใดเสมือนมีเมฆแห่งความกรุณา เหมือนสายฝนที่โปรยปรายลงสู่พื้นดินให้มีแต่ความสุข”

ด้าน นายสุชาติ ขวัญหวาน ผู้ชนะเลิศรางวัลภาพวาด ประเภทประชาชนทั่วไป เผยความรู้สึกว่า “ภาคภูมิใจที่ถ่ายทอดผ่านภาพวาดนี้ เห็นถึงพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชกรณียกิจต่างๆ รวมถึงพระราชจริยวัตรตลอด 70 ปี ที่ทรงครองราชย์ ภาพที่ท่านทรงน้อมรับดอกบัวจากหญิงชรา เป็นภาพที่เราคุ้นตา ทรงเข้าถึงความยากลำบาก ความรู้สึกของราษฎร ทรงห่วงใย คอยแก้ปัญหาให้ประชาชน รู้สึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์”

ส่วนประเภทภาพยนตร์สั้น ระดับอุดมศึกษา ผู้ชนะได้แก่ ทีม ADEC Films จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในเรื่อง “รากแผ่นดิน” หนึ่งในทีม เล่าว่า แรงบันดาลใจของภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้ คือ โครงการ ด้านการเกษตร ที่ทรงทำเป็นต้นแบบหลายโครงการ ที่แม่โจ้ก็เป็น หนึ่งในโครงการที่ในหลวงทรงริเริ่มไว้ เนื้อเรื่องเกี่ยวกับการทำการเกษตรที่เมื่อได้ผลผลิต ไม่ว่าจะเป็นผัก ไข่ ก็สามารถเอาไปแลกเป็น ค่าเทอมได้

ทีม ADEC Films มีทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายอภิชิต โพธิระ นายนนทวัฒน์ เทพเทวิน นายชาญณรงค์ กาวยุ่น นายณัฐชัย ปั๋นล้น นายภาสกร กองอินทร์ นายอาทิตย์ กันธิมา และนายสรธน ธิติสุทธิ

สำหรับรางวัลการพูดสุนทรพจน์ ประเภทประชาชนทั่วไป ร.ต.อ.อมรพันธุ์ ฉิมอิ่ม ผู้ชนะเลิศในสาขานี้ เล่าด้วยแววตาแห่งความภาคภูมิใจว่า “ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นแบบอย่าง ผ่านพระราชกรณียกิจต่างๆ เมื่อฟังแล้วจะได้คำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมคนไทยถึงรักพระเจ้าอยู่หัว”

นายธีระวัฒน์ ชูรัตน์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ชนะเลิศรางวัลการพูดสุนทรพจน์ ระดับอุดมศึกษา บอกว่า สุนทรพจน์ของ ตนเน้นการให้แนวทางการดำเนินชีวิตที่มีในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็น แบบอย่าง จะเห็นว่าท่านทรงงานใช้งบประมาณอย่างจำกัด และทรงนำงบฯ ที่เหลือไปใช้ในโครงการถัดไป เป็นคำสอนถึงความพอดี

“ท่านทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ครองหัวใจราษฎร มากกว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ครองแผ่นดิน ท่านทรงเข้าใจถึงความยากลำบาก ของประชาชน” ธีระวัฒน์กล่าวในตอนท้าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน