ใบเฟิร์น เปิดประสบการณ์ ครูอาสาบนดอยสูง น้ำ-ไฟใช้จำกัด มีครูแค่คนเดียว จากนางร้ายในละคร สู่การเป็นครูขวัญใจเด็กๆ ค้นพบน้องๆ มีฝัน แต่ขาดโอกาส

ใบเฟิร์น อัญชสา มงคลสมัย นักแสดงสาวมากความสามารถ ได้จุดกระแสเรื่องเด็กๆ บนดอยจากการทวิตฯ ถึงการบริจาคชุดนักเรียนว่า ไม่ใช่สิ่งจำเป็น จนทำให้เกิดกระแสพูดถึง และแชร์ไปอย่างมากมาย

“ถ้าอยากบริจาค แนะนำเป็นพวกเสื้อผ้า รองเท้า ผ้าห่ม ขนม ตุ๊กตา หนังสือ เกมส์ และอื่นๆ ยังมีประโยชน์กว่าบริจาคชุดนักเรียนเยอะเลยค่ะ”

ซึ่งเจ้าตัวเอง ได้ออกมาโพสต์ข้อความ เพราะตนได้มีประสบการณ์ตรง จากการเป็นครูอาสาขึ้นไปสอนหนังสือน้องๆ บนดอย และทำให้ได้ค้นพบว่าเด็กๆ ที่นั่น มีความฝันที่ยิ่งใหญ่มาก แต่ขาดโอกาสทางการศึกษา และการใช้ชีวิต

แรงบันดาลใจ “ครูอาสา”

เฟิร์นจะมีเป้าหมายในชีวิตของแต่ละปีค่ะ ปีนี้เฟิร์นตั้งใจว่าเฟิร์นอยากทำอาสา เพราะตัวเรา เราโอเคกับตัวเองแล้ว หมายถึงว่าเรารู้สึก ชีวิตเราช่วงนี้โอเคแล้ว ไม่ต้องการอะไรมากมาย

เราอยากเป็นผู้ให้จริงๆ บ้าง ก็เลยรู้สึกว่าทำอะไรดี ทำอาสาดีกว่าจะได้ตอบแทนสังคม ตอบแทนคนอื่นบ้าง ให้คนอื่นบ้างค่ะ ปีนี้ก็เลยตั้งเป้าหมายที่จะมาทำอาสา

ขึ้นดอยอย่างโหด 8 ชั่วโมง

ล่าสุดเฟิร์นไปที่เชียงใหม่ค่ะ ขึ้นไปทาง อ.อมก๋อย และก็ไปถึงทางแม่ฮองกลางก็จะไกลมาก จริงๆ ระยะทางไม่ได้ไกลเท่าไหร่หรอกค่ะ 60 กิโลฯ ได้ แต่เราใช้เวลา 7-8 ชั่วโมงในการจะไปถึง

เพราะว่าถนนมันค่อนข้างลำบากมาก ไม่เชิงเป็นถนนดีๆ จะเป็นดินแดงๆ ที่มีน้ำขัง ลูกรังเลย โคลนจะเหลวหน่อย ต้องดูไลน์การขับรถให้ดีก็เลยจะใช้เวลานิดหนึ่งค่ะ

นักเรียน 50 คน ครู 1 คน

พอไปถึงก็ความประหลาดใจเหมือนกันนะ หมายถึงว่า เราเข้าไปเจอเด็ก 50 กว่าคน กับครูแค่คนเดียว คนเดียว และต้องสอนทั้งหมด เราก็ตกใจมาก หรือแม้แต่การที่ น้ำใช้มีจำกัด ไฟฟ้าใช้ก็มีจำกัด ต้องพึ่งโซล่าเซลล์ (พลังงานแสงอาทิตย์) มันก็มีความลำบาก

แล้วเราลองแทนตัวเองเป็นเขา เขาต้องใช้ชีวิตลำบากแค่ไหน กับการที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ เวลาจะติดต่อ มีเรื่องอะไรด่วน ใครป่วยหนักขึ้นมา เขาติดต่ออะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

รับบทเป็นครูสอนทำ “เสื้อมัดย้อม”

วิชาที่เฟิร์นรับผิดชอบคือ ทำเสื้อมัดย้อมค่ะ ซึ่งจริงๆ ไม่เคยทำมาก่อนเลยนะ แต่สิ่งที่เฟิร์นตั้งใจก็คืออยากทำอะไรที่เกี่ยวกับงานศิลปะ อย่างน้อยก็ให้ได้เกิดความคิดสร้างสรรค์ เพลิดเพลิน เราก็จะสอดแทรกเกี่ยวกับ Self-Esteem (ความมั่นใจในตัวเอง) ให้เด็กด้วย

เราจะคอยชมเขาว่า ทำสวยจังเลย เสื้อสวยมากเลย เลือกสีได้ดีมากนะ ให้เขารู้สึกว่าตัวเขามีคุณค่า เพื่อให้เขาเกิดความมั่นใจในตัวเองค่ะ โดยผ่านทางศิลปะ

เด็ก “มีฝัน” แต่ขาด “โอกาส”

เราทำ คลาสความฝัน แล้วเปลี่ยนความคิดเฟิร์นไปเลย เฟิร์นค้นพบว่าเด็กทุกคนมีความฝันที่ยิ่งใหญ่มากๆ อยากเป็นตำรวจ อยากเป็นนักบิน อยากเป็นหมอ อยากเป็นพยาบาล และเหตุผลที่เขาอยากเป็น เช่น อยากเป็นหมอเพราะว่า อยากมารักษาคนเจ็บที่นี่

เขาขาดโอกาสที่จะมีอุปกรณ์การเรียน การสอนที่ไม่ต้องดีมากก็ได้ แต่ต้องพื้นฐานได้ ครบครัน ในแง่ของพื้นฐานทางการศึกษา โอกาสที่จะเลือกทางชีวิตของตัวเอง มันขาดไป มันไม่ใช่ชุดนักเรียนที่ขาด

ที่เราไปสัมผัสมา เขามีความสุขกับการที่ได้ลูกฟุตบอล ลูกวอลเลย์บอล หรือไม้แบดมากกว่าชุดนักเรียนด้วยซ้ำ

จาก “ผู้ให้” กลายเป็น “ผู้รับ”

สุดท้ายแล้ว ตอนที่เราตั้งใจว่าเราอยากไปเป็นผู้ให้ มันกลายเป็นว่าเราได้ทั้งเป็นผู้ให้ และผู้รับ เรารู้สึกว่าตัวเรามีคุณค่าเหมือนกัน เราสามารถทำให้เด็กๆ มีความสุขได้ หรือทำให้เขาได้ยิ้ม ได้หัวเราะ

เราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนโลกได้ แต่เราสามารถที่จะเปลี่ยนชีวิตคนๆ หนึ่งได้ เฟิร์นรู้สึกว่าเราก็เป็นแค่คนๆ หนึ่ง เฟิร์นไม่ใช่ซุปเปอร์แมน หรือซุปเปอร์ฮีโร่ที่จะไปกู้โลก แต่ว่าเราสามารถที่จะเปลี่ยนชีวิตคนๆ หนึ่งได้ อย่างเช่น การที่เราทำให้เขาอย่าเพิ่งหยุดฝัน

ไม่ว่าจะกับตัวเอง ทำดีกับตัวเอง ทำดีกับสังคมที่อยู่ใกล้ๆ กับครอบครัว วินัยง่ายๆ ไม่ทิ้งขยะนะ หรือลดการใช้พลาสติกที่มันง่ายๆ และมันใกล้ตัว เปลี่ยนชีวิตๆ คนๆ หนึ่ง อาจจะหมายถึงเราเองก็ได้ อาจจะไม่ใช่คนอื่นก็ได้ มันอาจจะเปลี่ยนชีวิตเรานี่แหละ

ขอบคุณภาพ IG : @bifern

ขอบคุณสถานที่ในการสัมภาษณ์ : ร้าน BlackSmith อารีย์ ซอย 3

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน