เป็นแม่ไม่ง่าย – “ไปเรียนได้ไม่ถึงอาทิตย์ ลูกป่วยทันที ไลน์ผู้ปกครองลาป่วยให้ลูกเกินครึ่งห้อง”

ก็ต้องยอมรับว่าช่วงโรงเรียนถูกสั่งปิด แล้วให้เด็กเรียนออนไลน์ที่บ้านเพราะปัญหาโควิด นี่คือเครียดกันมาก เครียดกันทุกคนในบ้านเลย เพราะเรากับแฟนก็ต้องไปทำงาน ไม่ได้อยู่บ้านคนที่อยู่บ้านดูแลลูกคือยาย แล้วยายต้องมานั่งเฝ้าลูกเรียนออนไลน์หน้าจอ ต้องช่วยดูตำราเรียน ช่วยสอนการบ้าน วันแรกๆยายก็ยอมแพ้แล้วเพราะบอกว่า ขนาดงานของเด็ก ป.2 แต่อ่านไม่เข้าใจไม่รู้เรื่องเลย เราก็บอกยายของลูกว่า ไม่เป็นไร เรื่องการบ้านเดี๋ยวเรามาสอนเอง ให้แค่คอยดูแลว่าระหว่างเรียนนั่งเรียนหน้าจอให้ครบตามเวลาก็พอ

แต่แค่นั้นก็แย่แล้ว เพราะการปล่อยให้เด็กนั่งเรียนหน้าจอคนเดียวมันไม่เหมือนบรรยากาศที่โรงเรียน บางทีเนตก็ติดๆดับๆ ลูกไม่มีสมาธิ บางทีลูกก็หลับคาจอ กล้องที่คอมพ์เราไม่ค่อยดี มันก็จอดำเวลาคุยกับครู พอยายต้องลุกไปทำอะไรอย่างอื่น ไปซักผ้า ไปทำกับข้าว ล้างจานหรือทำงานบ้านอื่นๆ ลูกไม่มีใครเฝ้าก็ลุกไปเล่นอย่างอื่นไม่ได้ฟังจอเลย เดินไปนอนบ้าง บางทีก็หยิบมือถือมาเล่นเกม ซึ่งเราว่าการเรียนออนไลน์นี่แทบไม่ได้อะไรเลย

ไม่ใช่แค่ทางเราฝ่ายเดียว ทางครู เขาก็คงเห็นปัญหานี้เหมือนกัน บางวิชาครูเลยใช้วิธีสั่งงานมาแทฃน เป็นพวกจดบันทึก ทำรายงาน บางวิชาก็ให้ถ่ายคลิปวิดิโอทำอะไรตามบทเรียน ฟังเผินๆมันก็เหมือนดูดีนะ เหมือนว่าพยายามใช้สื่อให้ประยุกต์เข้ากับการเรียน ให้เหมาะกับรูปแบบชีวิตคนเราในทุกวันนี้ แต่ความจริงแล้วมันกลายเป็นยากและฝืนอยู่เหมือนกัน เพราะลูกเราไม่ยอมให้ถ่ายคลิปอะไรเลย เราก็ไม่ค่อยมีเวลา


การไปโรงเรียนปกติการบ้านก็เยอะมากอยู่แล้ว พอมาเรียนแบบนี้ครูเน้นแต่สั่งงานและส่งใบงาน ส่งรายงาน คราวนี้โหดกว่าเดิม สารภาพตามตรง เราแทบไม่ได้นอนเลยเพราะต้องมาช่วยลูกทำการบ้าน ทำรายงาน ทำงานส่ง จนเราแทบไม่ได้นอนเลยแต่ละคืน ไม่ใช่เพราะลูกเราขี้เกียจหรือไม่มีความรับผิดชอบ แต่ลูกเราทำไม่ไหว ไม่เข้าใจก็ไม่รู้จะให้ใครสอน เพราะการบ้านเด็กสมัยนี้เราดูแล้วบางทีก็ไม่เหมือนที่เราเรียนมา ลูกเราเครียดจนร้องไห้หลายที บอกเมื่อไหร่โรงเรียนจะเปิด อยากกลับไปเล่นกับเพื่อนๆ เราอธิบายลูกก็เข้าใจว่าเป็นช่วงโควิดระบาด ต้องช่วยกันป้องกัน แต่ขนาดเราเองก็ยังไม่รู้จะตอบลูกยังไงว่ามันจะหมดไปเมื่อไหร่ เหมือนยาวนานมาก


พอเห็นลูกเครียด วันหยุดเราก็พาลูกไปทะเลบ้าง ไปกับพี่ๆเขา ก็โชคดีว่าบ้านเราอยู่ใกล้ทะเลอยู่แล้ว ไม่ได้ไปเที่ยวในที่ที่มีคนพลุกพล่านหรือเสี่ยงต่อโรคระบาด ก็เหมือนเขาผ่อนคลายขึ้น อารมณ์ดีขึ้น การต้องอยู่บ้านนานๆไม่ได้ออกไปไหนเลยสำหรับเด็กวัยเขาเราว่ามันก็เป็นเรื่องที่เครียดจริงๆ เพราะเราในวัยนั้นได้ออกไปไหนมาไหน ไปดูโลกกว้าง ได้เล่นกับเพื่อนๆ ได้มีประสบการณ์ที่ดีและไม่ดีร่วมกัน ได้ทำอะไรต่ออะไรมากมาย ก็ทำให้สุขภาพจิตดี แต่ในสภาวะแบบนี้เราทำอะไรให้ลูกได้ไม่มาก ก็พยายามเข้าใจ


ตอนครูประกาศเปิดโรงเรียนหลังล็อคดาวน์ เราดีใจกันมาก ลูกกระตือรือร้นเตรียมข้าวของไปโรงเรียน อาทิตย์แรกที่ไป เราเองก้ค่อนข้างโล่งใจนะ ก็บอกให้ลูกป้องกันตัวจากโควิดดีๆ ใส่หน้ากากอนามัยตลอด ล้างมือบ่อยๆ อย่าใช้ของร่วมกับคนอื่น ครูเขาให้เอาน้ำดื่มใส่กระติกไปของใครของมัน ช้อนเอาไปเอง มีแอลกอฮอล์เจลให้ใช้ทุกห้อง เราว่ามันก็โอเค

แต่พอเข้าสัปดาห์ที่สอง ลูกเราก็เริ่มมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล และตัวรุมๆ ตอนเช้าปลุกก็บอกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไม่อยากลุก เราเลยให้กินยาลดไข้และนอนพักที่บ้านไป

เราเข้าไลน์กลุ่มของห้องเรียนลูก เพื่อแจ้งครูประจำชั้นว่า ลูกเราจะลาป่วย คงไปเรียนไม่ได้ แต่ปรากฏว่า มีข้อความเด้งขึ้นมาเป็นสิบเลย บอกคล้ายๆกันว่า ลูกไม่สบาย ขอลาป่วย อาการเหมือนกันหมด คือมีน้ำมูก ตัวรุมๆ บางคนมีปวดหัว เจ็บคอด้วย เรามองว่าปกติเด็กติดเชื้อหวัดจากโรงเรียนนี่ธรรมดามาก เพราะก่อนหน้านี้ก็มีเยอะ แต่ก่อนหน้านี้พ่อแม่บางคนลูกป่วยนิดหน่อยก็ยังให้ไปโรงเรียน ขนาดเอายาไปฝากครูป้อนก็มี

แต่ตอนนี้เป็นช่วงโควิดระบาด เราไม่รู้แล้วว่าหวัดที่ลูกเป็นนี่คืออะไรกันแน่ ถ้าหวัดธรรมดาก็แล้วไป แต่ถ้าเกิดเป็นอะไรที่รุนแรงขึ้นมาจะทำยังไง คิดว่าทุกคนระวังกันมากขึ้น จริงๆก็ดีแล้ว เราได้ยินมามาลูกของญาติเราอยู่อนุบาล ไปได้สัปดาห์เดียวไปติดเชื้อ RSV มา ซึ่งเป็นเชื้อที่แรงมาก และส่งผลให้ระบบทางเดินหายใจเสียหายระยะยาว อาจจะกลายเป็นหอบหืดได้ด้วยในอนาคต ซึ่งพอรู้งี้คือมันไม่คุ้มกันเลยกับความสะดวกที่เราแลกมา

สรุปคือ เราก็อยากให้พ่อแม่เด็กๆทุกคน มีจิตสำนึกคิดเพื่อส่วนรวมบ้าง โรงเรียนเปิเหมือนเดิมก็ดี แต่คนไหนลูกป่วยก็อย่าเพิ่งให้มาโรงเรียน เพราะจะเอาเชื้อมาแพร่เพื่อนๆ ทำให้เดือดร้อนไปหมด ยิ่งเวลาที่โควิดระบาดแบบนี้แยกยาก อยากให้เห็นใจซึ่งกันและกันค่ะ

ขึ้นหนึ่งค่ำ

คุณแม่ท่านหนึ่ง
ภาพ Pixabay

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน