สุดโกลาหล ชาวไต้หวันหลายคนแห่ไปเปลี่ยนชื่อเป็น “แซลมอน” หวังได้รับส่วนลด-ทานอาหารฟรี!

เมื่อเร็วๆนี้ สื่อไต้หวันรายงานว่า มีหนุ่มสาวหลายคนแห่ไปเปลี่ยนชื่อเป็น “แซลมอน” เพื่อรับโปรโมชั่นร้านอาหาร และเกิดความโกลาหลขึ้น จนทางการต้องออกมาขอร้อง วอนหยุดเปลี่ยนชื่อโดยไม่จำเป็น

โดยมีสาเหตุมาจาก ร้านซูชิโระ ร้านซูชิสายพาน ได้ออกโปรโมชั่นสำหรับวันที่ 17-18 มี.ค. ไว้ว่า หากลูกค้าท่านใด ชื่อมีตัวอักษรคำว่า “แซลมอน (鮭魚)” จะได้รับสิทธิพิเศษ ทานซูชิแบบไม่อั้นฟรีๆ แถมยังพาเพื่อนมาทานฟรีได้อีกตั้ง 5 คน และหากลูกค้าท่านใด ชื่อมีการออกเสียงพ้องกับคำว่า แซลมอน (กุยยวี๋) จะได้รับส่วนลด 50 เปอร์เซ็นต์

โปรโมชั่นของทางร้าน

โปรโมชั่นดังกล่าวเป็นที่พูดถึงอย่างมากบนโซเชียล มีหนุ่มสาวจากหลายเมือง โดยเฉพาะนักศึกษามหาวิทยาลัย แห่พากันไปเปลี่ยนชื่อ อย่างในวันที่ 17 มี.ค. ทั่วทั้งไต้หวัน มีคนเปลี่ยนชื่อเป็น “แซลมอน” แล้วกว่า 133 คน

นักศึกษาคนหนึ่งมีนามสกุล Guo ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “Salmon Donburi Guo” และบอกว่าจะเปลี่ยนชื่อกลับ หลังจากได้ทานซูชิกับเพื่อนๆเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังมีชื่อตลกๆอีกมากมายอย่าง “Chan Washabi Salmon”, “Salmon Prince” และ “Handsome Salmon”

โดยชื่อที่ยาวที่สุดตั้งแต่มีการเปลี่ยนชื่อมา มีถึง 36 ตัวอักษร แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า “Chen loves Taiwan, abalone, tuna, salmon, snow crab, sea urchin, scallop, lobster and beef, Mayfull, Palais de Chine, Regent, Hilton, Caesar Park, Hotel Royal.”

ส่วนทางด้านร้านซูชิโระ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า โปรโมชั่นชื่อแซลมอนนี้ มีกระแสตอบรับดีมาก โดยวันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมโปรโมชั่นแล้วกว่า 1,000 คน และ ณ ตอนนี้ มี 28 คน ที่ได้ใช้สิทธิ์ทานอาหารฟรี

เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความวุ่นวายมาก จนกระทรวงมหาดไทยไต้หวันออกมาเตือนบนเฟซบุ๊กว่า แม้ประชาชนจะมีอิสระในการเลือกชื่อของตนเอง แต่ขอให้ระมัดระวัง อย่าเปลี่ยนชื่อด้วยเหตุไม่จำเป็น เพราะตามกฎหมาย บุคคลสามารถเปลี่ยนชื่อได้เพียง 3 ครั้งเท่านั้น ดังนั้นหากเกิดการคำนวณผิดพลาด จะทำให้ชื่อนั้นกลายเป็นชื่อถาวรทันที และไม่เพียงทำให้เสียเวลา แต่ยังทำให้เกิดเอกสารที่ไม่จำเป็นอีกด้วย

อีกทั้งชาวเน็ตยังมองว่า คนๆหนึ่งสามารถเปลี่ยนชื่อได้เพียง 3 ครั้งในชีวิต การเปลี่ยนชื่อเป็นแซลมอนและเปลี่ยนชื่อกลับ มันถูกนับเป็นการเปลี่ยนชื่อ 2 ครั้ง ซึ่งมันเป็นการใช้โอกาสที่เปล่าประโยชน์มาก หากในอนาคตต้องทำงาน ทางบริษัทอาจขอข้อมูลส่วนตัว และต้องพบกับประวัติการเปลี่ยนชื่อด้วยเหตุผลเช่นนี้ มันอาจส่งผลเสีย ทำให้ถูกมองไม่ดีได้ เพราะฉะนั้นโปรดคิดให้ดีๆก่อนเปลี่ยนชื่อ

ขอบคุณที่มา www.taipeitimes.com

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน