สาวโชว์สมุดพก สมัยม.ต้น ปี พ.ศ.2544 คุณพ่อเขียนวิจารณ์การศึกษาไทย ระบุอย่ายึดติดศาสนา-อย่าเสียเวลาอยู่หน้าเสาธง แต่กลับสะท้อนว่า รร.ไทย แทบไม่ได้เปลี่ยนไป

Facebook

เมื่อวันที่ 30 พ.ค.64 โซเชียลมีเดียแห่แชร์ โพสต์ของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่ถ่ายภาพสมุดพกสมัยที่เธอยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นชั้นปีที่ 3 แต่ข้อความในสมุดพกดังกล่าว กลับไม่ธรรมดา เนื่องจากพ่อของเธอได้เขียนข้อความฝากไปถึงคุณครูที่โรงเรียน ที่ทำให้ผู้ใช้โซเชียลมีเดียหลายคนที่อ่านต้องอึ้ง และหลายคนประทับใจ ส่งผลให้มีผู้แชร์ภาพนี้ไปเกือบ 800 แชร์แล้วภายในไม่ถึง 1 วัน

เจ้าของโพสต์ระบุว่า “ต้องสืบมั้ยว่าได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมมาจากใคร? เก็บบ้านเจอสมุดพกตอน ม.3 พ่อฟาดอะ อ่านแล้วขำแต่ละปี ท็อปปิคไม่เคยซ้ำ อย่ามีช่องคอมเมนต์ให้เขียนเด็ดขาด ลูกสามคน ฟาดตาย ถึงโรงเรียนเลิ่กลั่กไม่พัก พ่อคือผู้มาก่อนกาล! จำได้ว่าเคยโดนเชิญผู้ปกครองครั้งเดียว นอกนั้นไม่มีใครจะเชิญนางมาอีกเลย ฮือ พ่อเคยถือหนังสือมาตรากฎหมายเข้าไปจิ้มอ่านให้ครู หัวหน้าห้องปกครองฟัง”

Facebook

ข้อความในสมุดพกที่นำมาโพสต์ดังกล่าว ถูกเขียนตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 โดยปกติแล้วพ่อของหญิงสาวคนดังกล่าวมักจะเขียนลงสมุดพกในลักษณะนี้ตั้งแต่เธอและพี่น้องยังเรียนชั้นประถม โดยในสมุดพก ที่ถูกโพสต์นี้ เขียนวิจารณ์ในหัวข้อ โครงสร้างการศึกษาตั้งแต่ภาครัฐ ผู้บริหารโรงเรียน ไปจนถึงครูประจำชั้น พร้อมชี้แนะแนวทางต่างๆ ในการอบรมสั่งสอนเด็กให้นักเรียนโตไปอย่างมีวิจารณญาณและคิดเชิงวิพากษ์ด้วยตนเองได้ โดยลดความยึดติดในสถาบันทางศาสนา ลดเลิกกิจกรรมที่ไม่จำเป็น และหาวิธีที่ดี ในการสื่อสารกับเด็กอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องใช้อำนาจในฐานะผู้ใหญ่ในโรงเรียน

Facebook

โดยมีข้อความดังนี้ “เป็นเรื่องไม่ถูกต้องที่โรงเรียนหรือภาครัฐจะเหมาเอาว่า นักเรียนทุกคนต้องนับถือศาสนาพุทธ และบังคับให้สวดมนต์พร่ำบ่นศีลธรรมที่เป็นไปไม่ได้ในภาคปฏิบัติจริง ตราบใดที่มนุษย์ยังมีความจำเป็น ความต้องการ ความอยากเป็นสมบัติติดตัว เสียเวลาเปล่าที่จะถือศีลด้วยปาก

โรงเรียนควรจะเลิกได้แล้วที่จะปลุกระดมเด็กเรื่องความรักชาติโดยให้เข้าแถวยืนกลางแดดเคารพธงชาติเป็นชั่วโมง ความรักชาติที่แท้จริงไม่ใช่เรื่องการบังคับ คนจะรักชาติอยู่ที่จิตสำนึกในใจ

ผู้บริหารโรงเรียนควรเจ้าใจการบริหารเรื่องบุคลากร ถ้าอยากจะอบรมหรือออกคำสั่งใด ๆ ไม่ควรไปพูดกลางสนาม และทรมานให้เด็กอยู่กลางแดดนาน ๆ ควรแจกแจงคำสั่งการอบรมผ่านทางครูประจำชั้น จะดีกว่าที่ฝ่ายปกครองหรือฝ่ายบริหาร แสดงอำนาจหรือเล่นจิตวิทยากับเด็กนักเรียน”

Twitter

Twitter

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน