แน่นอนว่าอาการปวดท้องเป็นหนึ่งในอาการที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะมาจากสาเหตุเคี้ยวอาหารเร็วเกินไป ปวดท้องประจำเดือน หรือเพราะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานทั้งวัน ซึ่งหลาย ๆ ครั้งอาการปวดท้องมักจะหายไปเอง

แต่อาการปวดท้องในหลาย ๆ ครั้งอาจบ่งบอกถึงอาการร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ดังนั้น ทีมข่าวสดจึงขอนำเสนอ 7 สัญญาณเตือนอาการปวดท้องที่ไม่ควรละเลย เพื่อให้ทุกท่านได้เช็กก่อน เตรียมตัวไปพบแพทย์

1. อาการปวดท้องที่มีอุจจาระเป็นเลือด ดร.ซาราห์ จาร์วิส ผู้อำนวยการของ Patient Access กล่าวว่า หนึ่งในสาเหตุที่ร้ายแรงที่สุดของเลือดในอุจจาระ คือ มะเร็งลำไส้ โดยมีอาการจุกเสียด, ท้องอืด, ท้องเสีย รวมทั้งมีก้อนเนื้อและเลือดออกทางทวารหนัก

อีกทั้งเลือดยังสามารถเป็นสัญญาณของแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบอีกด้วย อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งตะหนักไป ขอให้เช็กให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ทานบีทรูท, ชะเอม, แบล็กเบอร์รี หรือยาบางประเภท เช่น Pepto-Bismol ที่อาจเปลี่ยนสีของอุจจาระให้มีสีแดงคล้ายเลือด

2. อาการปวดท้องเฉียบพลัน ดร. ซาราห์กล่าวว่า อาการปวดเฉียบพลันอย่างกะทันหันอาจเกิดความผิดปกติที่ไม่พึงประสงค์หลายประการ และหากมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงมักจะบ่งบอกถึงบางสิ่งที่ร้ายแรงเกิดขึ้น

สาเหตุที่เป็นไปได้ ได้แก่ นิ่วในไต, ไส้ติ่งอักเสบ, แผลพุพอง, การตั้งครรภ์นอกมดลูกในสตรี และลำไส้อุดตัน

3. อาการปวดท้องร่วมกับรู้สึกไม่สบาย ดร.ซาราห์ กล่าวว่า “การรู้สึกไม่สบายท้องอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงโรคท้องร่วงหรืออาหารเป็นพิษจากการปนเปื้อน

ซึ่งอาจมีปัญหาลำไส้แปรปรวน, ลมในช่องท้อง, คลื่นไส้, อาเจียน, ท้องร่วง รวมไปถึงถุงน้ำดีมีปัญหา ซึ่งมักจะมีอาการปวดทางด้านบนทางขวาของท้อง และอาหารไม่ย่อยที่มักจะมีอาการปวดพร้อมรู้สึกแสบร้อนในช่องท้อง

4. อาการปวดท้องร่วมกับน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ น้ำหนักลดโดยไม่คาดคิดอาจเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่ถ้าคุณไม่ได้พยายามลดน้ำหนักอย่างจริงจัง ก็อาจเป็นสัญญาณที่น่ากังวลว่ามีบางอย่างในร่างกายผิดปกติ

โดยอาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็ง ตับอ่อนอักเสบ ลำไส้อักเสบเรื้อรัง(IBD) เช่น โรคโครห์นที่เกิดพังผืดและเนื้อเยื่อก้อนเนื้อทำให้เกิดลำไส้อุดตัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่มีอาการปวด แต่ถ้าน้ำหนักยังลดลงผิดปกติ โดยไม่ทราบสาเหตุควรที่จะไปพบแพทย์

5. อาการปวดท้องร่วมกับมีไข้ ดร.ซาราห์กล่าวว่า ไข้มักบ่งบอกถึงการติดเชื้อหรือการอักเสบ ซึ่งมีสาเหตุที่เป็นไปได้ ดังนี้

  • อาหารเป็นพิษหรือท้องเสีย
  • โรคถุงผนังลำไส้อักเสบที่เกิดจากการที่ลำไส้ใหญ่อ่อนแอลง จนเกิดเป็นถุงเล็ก ๆ ขึ้นมา อาจทำให้ลำไส้ใหญ่บริเวณนั้นบวมแดงจนเป็นฝี หรืออาจแตกเป็นแผลได้
  • ไส้ติ่งอักเสบที่มีอาการปวดเริ่มจากบริเวณสะดือ จากนั้นลามลงไปด้านล่างทางขวาของช่องท้อง
  • การติดเชื้อในถุงน้ำดี จะรู้สึกปวดที่ด้านบนขวาของท้อง
  • การติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานในผู้หญิง
  • ฝีในช่องท้อง

6. อาการปวดท้องเป็นเวลานานหรือท้องอืดเรื้อรัง ดร.ซาราห์กล่าวว่า สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการปวดท้องคือ อาการปวดประจำเดือนในผู้หญิงและอาหารไม่ย่อย ที่มักทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนที่ท้องและมีอาการท้องอืด เรอ และรู้สึกไม่สบาย

แต่ไม่ต้องกังวล โดยส่วนใหญ่แล้ว อาการปวดท้องจะเข้าสู่ภาวะปกติในอีกไม่ช้า แต่หากมีอาการเช่นนี้ไปสักระยะหนึ่ง ขอแนะนำให้ลองสังเกตว่าตนเองมีพฤติกรรมการทานอาหารอย่างไร เช่น มักจะรับประทานอะไรในแต่ละวัน ความเร็วในการทานอาหาร และเคี้ยวอาหารแต่ละครั้งนานแค่ไหน

7. การปวดท้องที่ไม่ร้ายแรง เมย์ ซิมป์กิน นักโภชนาการและที่ปรึกษาของ Enzymedica UK อธิบายว่าถึงเหตุผลอื่น ๆ ที่ทำไมคุณถึงปวดท้อง เช่น แพ้กลูเตน, อาการแพ้, การทานมากเกินไป, ความเครียด, การดื่มคาเฟอีนมากเกินไป และการทานอาหารตอนหัวค่ำ

เมย์ แนะนำว่าควรตั้งเป้าหมายที่จะทานอาหารให้เสร็จอย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เพื่อระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งการรับประทานอาหารจำนวนมากเป็นประจำอาจทำให้ระบบย่อยอาหารตึงเครียด ทำให้เกิดลมในกระเพาะอาหารและท้องอืด

การไปพบแพทย์แต่เนิน ๆ จะทำให้คุณมีโอกาสได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วมากขึ้น ดังนั้น ทางทีมข่าวขอสรุปอาการต่าง ๆ ที่คุณควรไปพบแพทย์ หากมีอาการเหล่านี้

ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ปวดท้องเฉียบพลัน ท้องอืดเรื้อรัง ลดน้ำหนักลดโดยไม่ตั้งใจ
ถ่ายอุจจาระสีดำ (เหนียวคล้ายยางมะตอย) อาเจียนเป็นประจำ มีไข้พร้อมปวดท้อง ปวดท้องรุนแรง

ขอบคุณที่มาจาก The Sun

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน