ตู้เย็นเป็นจุดศูนย์กลางของห้องครัว แม้ว่าจะไม่ได้วางเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ไว้ในห้องนั้นก็ตาม โดยในปัจจุบันมีแนวโน้มว่าหลาย ๆ คนมองตู้เย็นเป็นพื้นที่เก็บของและเก็บอาหารทั้งหมด

การเก็บอาหารบางชนิดไว้ในตู้เย็นจะช่วยชะลอการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ชะลอกระบวนการสุก เสื่อมสภาพ ป้องกันอาหารเป็นพิษ รวมถึงคงรูปลักษณ์ของอาหาร รสชาติ และยืดอายุเป็นระยะเวลานาน

ทว่ามีอาหารมากมายที่ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับประโยชน์จากการเก็บไว้ในตู้เย็นเท่านั้น แต่การเก็บไว้ที่นั่นอาจสร้างความเสียหายได้ และในกรณีที่รุนแรงอาจทำให้ผู้ที่บริโภคอาหารเหล่านั้นป่วย ซึ่งการเก็บรักษาที่อุณหภูมิห้องอาจเหมาะสมกว่า

ดังนั้น ทางทีมข่าวสดจะขอนำเสนอ 12 อาหารที่ไม่ควรเก็บไว้ในตู้เย็น เพื่อเป็นแนวทางให้ทุกท่านยืดอายุของอาหารอย่างถูกวิธี

1. มะเขือเทศ มะเขือเทศสุกอุดมไปด้วยวิตามินซี โพแทสเซียม และสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ Dana Greene, RD นักโภชนาการที่จดทะเบียนในบอสตันกล่าว “อุณหภูมิที่เย็นจะส่งผลต่อเนื้อสัมผัสและรสชาติ”

ในหนังสือ On Food and Cooking ของ Harold McGee อธิบายว่ามะเขือเทศแช่เย็นจะทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ในผลไม้ ทำให้รสชาติและเนื้อสัมผัสเปลี่ยนไป

2. มันฝรั่ง ตามรายงานของ Public Health England หน่วยงานบริหารของ Department of Health and Social Care การแช่เย็นจะเปลี่ยนแป้งในมันฝรั่งเป็นน้ำตาลได้เร็วขึ้น เมื่อนำไปอบหรือทอด น้ำตาลเหล่านี้อาจผลิตกรดอะมิโนแอสปาราจีนและผลิตสารเคมีอะคริลาไมด์ที่เป็นอันตรายและอาจก่อให้เกิดมะเร็ง

3.กาแฟ ตามที่สมาคมกาแฟแห่งชาติ (National Coffee Association) แม้ว่าความเย็นจะไม่ทำลายเมล็ดกาแฟ แต่กาแฟเป็นไฮโดรสโคปิก ซึ่งหมายความว่ากาแฟสามารถดูดซับความชื้นและกลิ่นของอาหารอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย

ดังนั้น กาแฟในตู้เย็นจึงไม่มีรสชาติที่สดและทำลายรสชาติของเครื่องดื่ม ทำให้กาแฟมีกลิ่นและรสชาติผิดเพี้ยน โดย NCA แนะนำให้เก็บกาแฟในที่เย็นและแสงเข้าถึงน้อย

4. กล้วย เป็นผลไม้เมืองร้อน ดังนั้นจึงชอบอุณหภูมิที่อุ่น บริษัท One Banana กล่าว อุณหภูมิที่เย็นจัดขัดขวางกระบวนการสุกของกล้วย ดังนั้น กล้วยสีเขียวที่ไม่สุก เมื่อนำแช่ในตู้เย็นจะทำให้กล้วยมีสีเขียวตลอดไป

อีกทั้งเปลือกกล้วยยังเปลี่ยนเป็นสีดำหรือสีน้ำตาลเข้ม เพราะความเย็นทำลายผนังเซลล์ของเปลือกหรือสารประกอบออกซิไดซ์และผลิตเมลานิน นอกจากนี้ กล้วยจะปล่อยก๊าซที่ทำให้ผลไม้อื่น ๆ สุก ดังนั้น ควรเก็บกล้วยให้ห่างจากผลไม้อื่น ๆ

5. โหระพาและโรสแมรี ถ้าเก็บไว้ในตู้เย็นจะแห้งเร็วเกินไป ใบหยาบกร้าน และสูญเสียรสชาติ โดยใบโหระพายังไวต่อเอทิลีนมากเป็นพิเศษ ทำให้ผักใบเขียวเหี่ยวเฉา ดังนั้น Greene ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้วางโหระพาให้ห่างจากแสงแดด แช่ก้านในแก้วน้ำอุณหภูมิห้อง และคลุมด้วยถุงพลาสติกหลวมๆ เพื่อดักความชื้น

6. ขนมปัง การเก็บขนมปังไว้ในตู้เย็นจะช่วยป้องกันเชื้อราเป็นเวลานาน แต่อาจทำให้เสียรสชาติได้ Greene ผู้เชี่ยวชาญกล่าว ขนมปังแช่เย็นจะแห้ง ไม่อร่อย และเหม็นอับเร็วขึ้น ตามข้อมูลของ USDA ขนมปังสามารถเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องได้ 2 – 4 วัน แต่จะคงอยู่ได้นานเจ็ดถึง 14 วันในตู้เย็น

7. เมลอน แคนตาลูป และแตงโม ตามการศึกษาในวารสารการเกษตรและเคมีอาหารและการศึกษาของ USDA การเก็บแตงโมทั้งลูกไว้ที่อุณหภูมิห้องอาจให้คุณค่าทางโภชนาการสูงสุด พร้อมทั้งมีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระเบตาแคโรทีนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และไลโคปีนเพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์

ทว่าหลังจากปอกเปลือกหรือหั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง “การเก็บแตงโม เมลอน และแคนตาลูปที่หั่นแล้วไว้ที่อุณหภูมิห้องอาจทำให้แบคทีเรียเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะไม่มีเปลือกป้องกัน ดังนั้น ควรห่อส่วนที่เหลือด้วยฟิล์มยึดแล้วเก็บใส่ในตู้เย็น”

อีกทั้งนักวิจัยกล่าวว่า อายุการเก็บเฉลี่ยของแตงโมที่เก็บไว้ที่อุณหภูมิ 55 องศาฟาเรนไฮต์เท่ากับ 2 – 3 สัปดาห์ แต่พวกเขาจะเริ่มเสียภายในน้อยกว่าหนึ่งสัปดาห์ในตู้เย็น 40°F

8. หัวหอม ควรเก็บไว้ในที่เย็น แห้ง มืด และอากาศถ่ายเทได้ดี เว้นแต่จะตัดหรือปอกเปลือก หากไม่ระบายอากาศจะทำให้อายุการเก็บรักษาสั้นลง ในทางตรงกันข้าม หัวหอมที่ปอกเปลือกหรือหั่นแล้วควรแช่เย็นและใช้ก่อนวันหมดอายุ

9. กระเทียม ตามข้อมูลของ USDA ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เก็บกระเทียมสดไว้ที่อุณหภูมิห้อง เพราะกระเทียมมีความชื้นสูงอาจทำให้รากงอกออกมาได้ อย่างไรก็ตาม กระเทียมในน้ำมันผสมควรแช่เย็นและใช้ภายในหนึ่งสัปดาห์ เพื่อหลีกเลี่ยงโรคโบทูลิซึม


10. อะโวคาโด ผู้เชี่ยวชาญ Foroutan กล่าวว่า การเก็บอะโวคาโดไว้ในตู้เย็นจะทำให้ผลสุกช้าลง ดังนั้น ควรเก็บอะโวคาโดไว้ที่อุณหภูมิห้องจะดีกว่า

หากต้องการให้อะโวคาโดที่ดิบสุกเร็วขึ้นให้ใส่ไว้ในถุงกระดาษสีน้ำตาล พร้อมวางใกล้กล้วย เพราะก๊าซเอทิลีนของกล้วยจะทำให้อะโวคาโดสุกเร็วขึ้น

11. น้ำผึ้ง การแช่เย็นจะไม่ทำลายน้ำผึ้งแต่อย่างใด แต่จะทำให้น้ำผึ้งตกผลึก ซึ่งส่งผลต่อเนื้อสัมผัสและรสชาติของน้ำผึ้ง ผู้เชี่ยวชาญ Greene กล่าวว่า “ถ้าคุณเก็บไว้ในตู้เย็น มันสามารถแข็งตัว ทำให้ใช้งานยากขึ้น” ดังนั้น ควรเก็บน้ำผึ้งไว้ในภาชนะที่ปิดสนิทในที่เย็นและห่างจากแสงแดดโดยตรง

12. ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ผู้เชี่ยวชาญ Foroutan กล่าวว่า “ผลไม้รสเปรี้ยวไม่จำเป็นต้องแช่เย็น โดยทานภายใน 2 – 3 วันถ้าคุณเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง แต่ถ้าคุณจะไม่ทานทันที คุณสามารถแช่เย็นได้”

เช่นเดียวกับผลไม้เมืองร้อนทั้งผล เช่น มะม่วง กีวี และสับปะรด เมื่อหั่นหรือปอกเปลือกแล้ว ควรแช่เย็นผักผลไม้สดในภาชนะที่มีฝาปิดหรือช่องแช่แข็งภายใน 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้แบคทีเรีย

ขอบคุณที่มาจาก Mirror Prevention The healthy Independent

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน