วิวาห์ล่ม! คู่รักตั้งใจแต่งงานแบบไร้สินสอด พ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ยอมเรียก 2.6 ล้านบาท เหตุกลัวเสียเปรียบ หลังรู้ว่าฝ่ายชายมีที่ดิน สุดท้ายจำใจเลิก ชาวเน็ตจวก พวกขายลูกกิน

การแต่งงานดูเหมือนจะเป็นเรื่องราวของคนสองคน แต่ความจริงแล้ว ไม่ใช่อย่างที่คิด หากมีคนใดคนหนึ่งผิดใจกันเพราะเรื่องต่าง ๆ ในการจัดงานแต่งงานหรือครอบครัวใดหมกมุ่นอยู่กับค่าสินสอด อาจทำให้วิวาห์ล้มได้ ความรักนั้นต้องจบลงอย่างช้ำใจ

ชายคนหนึ่งออกมาระบายความทุกข์ใจสุดอัดอั้นของประสบการณ์ความรักของตนเองในกลุ่มเฟซบุ๊ก โดยอธิบายว่า ตนเองอายุ 33 ปี และแฟนสาวอายุ 30 ปีคบกันมา 5 ปีและมีรายได้ต่อเดือนรวมกัน 45,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 54,700 บาท) เดิมทีทั้งคู่ตกลงกันว่า เพียงการซื้อชุดแต่งงานและไปจดทะเบียนสมรสกัน พร้อมจะแต่งงานกันโดยไม่มีสินสอดทองหมั้นใด ๆ

เมื่อหนุ่มขอสาวแต่งงานอย่างเป็นทางการ ครอบครั้งทั้งสองฝ่ายได้คุยกันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนแรกพ่อแม่ของว่าที่คู่รักต่างก็ทราบดีถึงเรื่องที่ลูก ๆ ตกลงกันไว้ โดยไม่คาดคิด เมื่อพ่อของแฟนสาวรู้ว่าหนุ่มมีที่ดินครอบครองจำนวนหนึ่ง เขารู้สึกว่ามันแย่เกินไปที่จะไม่ได้รับสินสอดทองหมั้น ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนคำพูดและบอกว่าเขาจะขอสินสอดทองหมั้น 2.16 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 2,625,595 บาท ) “การจะแต่งงานกับลูกสาวของฉัน ต้องใช้เงิน 1.2 ล้าน 600,000 สำหรับค่างานและ 360,000 สำหรับค่าเค้ก”

ต่อมาหลังจากสอบถามข้อมูล หนุ่มพบว่าพ่อฝ่ายหญิงร้องขอโดยกะทันหัน เพราะรู้ว่าผู้ชายมีที่ดินทำกินหลายแห่ง และรู้สึกว่า การไม่รับสินสอดเจ้าสาวคงจะเสียเปรียบ ถ้ายกลูกสาวให้ฟรี ๆ ทำให้บรรยากาศอึดอัดไปครู่หนึ่ง

ผู้ชายถามย้ำอีกครั้ง ทำให้พ่อของผู้หญิงคนนั้นพูดหนักแน่นมากขึ้นว่า “ใช่ ผมต้องการเงินจำนวนนี้ ไม่อย่างนั้น ไม่อยากแต่งงานกับลูกสาวของผม” ฝ่ายพ่อแม่ของผู้ชายก็ยิ้มและรับปากอีกฝ่ายว่า ต้องเป็นอย่างที่คุณต้องการเพื่อแก้ไขบรรยากาศที่น่าอับอาย

ฝ่ายชายรู้สึกเศร้าใจที่ตนบอกแฟนสาวว่าตนมีที่ดิน ขณะทั้งสองปรึกษาหารือกันเรื่องการแต่งงานและวางแผนอนาคตร่วมกัน เพราะหนุ่มตั้งใจจะขายที่ดินและนำเงินบางส่วนไปซื้อบ้านของทั้งคู่ ในที่สุดมันก็กลายเป็นข้ออ้างให้พ่อแม่ของผู้หญิงขอเงินสินสอดทองหมั้นสุดแพงมากขนาดนี้

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายพยายามคุยกันหลายครั้งถึงเรื่องนี้ แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ พ่อของแฟนสาวบอกชัดเจนว่าต้องการเงิน ไม่งั้นก็ไม่ต้องมาแต่งงานกับลูกสาว หนุ่มจึงตัดสินใจเลิกเพราะชายคนนั้นรู้สึกว่าเมื่อได้สินสอดทองหมั้นก็จะมีปัญหาไม่รู้จบ และบางทีในอนาคตครอบครัวของฝ่ายหญิงก็จะละโมบขอเงินอีกมากมาย หากเงินหมด พอคิดได้สองสามวัน หนุ่มจึงตัดสินใจจบความสัมพันธ์กับแฟนสาว ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่าย

ทันทีที่โพสต์ถูกแชร์ลงโซเชียลก็มีกระแสวิจารณ์กันอย่างดุเดือดเกี่ยวกับการตีความที่ดีที่สุดในการขายลูกสาว “ดูน่าเกลียดพอแล้ว รู้สึกดีใจมากที่ได้เห็นตอนจบ” , “คิดว่าแย่เกินไปที่จะไม่ทำ” , “ให้ไปเถอะค่ะ นาน ๆ ที” , “ผู้หญิงคนนั้นก็น่าสงสารเหมือนกันนะ บางทีเธออาจจะไม่มีสิทธิ์พูดเรื่องนี้ แต่เธอต้องทนกับตอนจบที่เจ็บปวด”

“ถ้ากล้ารับสินสอด ก็ต้องกล้าให้สินสอดคืนสิ” , “ตอนนี้มันยุคไหนแล้ว! และคอนเซปต์แบบนี้ แต่งงานหรือขายลูก?” , “ฉันแค่อยากถามผู้หญิงคนนั้นว่า คุณรู้จักนิสัยพ่อของตนเองมั้ย” , “สาว ๆ บางคนไม่มีสิทธิออกเสียงในบ้าน ไม่ต้องสงสัย ที่ไต้หวันยังมีอีกหลายครอบครัวแบบนี้”

ขอบคุณที่มาจาก Ettoday Setn

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน