คอลัมน์ ขนหัวลุก

ใบหนาด

“โกสุมภ์” เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากพิธีไล่ผี

ดิฉันเป็นคนเชียงใหม่ สมัยเด็กอยู่ในหมู่บ้าน อ.สันกำแพง มีหมอไสยศาสตร์คนหนึ่งชื่อลุงอินทูรย์ พวกเราเรียกสั้นๆ ว่าหมออิน ทางเหนือเรียกว่า “หมอไล่ผี” ค่ะ

แกอพยพมาจากลำปาง จนลูกเต้าเติบโตก็แยกย้ายกันไป เมียแกป่วยตายไปหลายปีแล้ว หมออินอยู่ตัวคนเดียวในบ้านใต้ถุนสูง มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นร่มครึ้ม บรรยา กาศน่าวังเวงใจชอบกล ชาวบ้านเจ็บไข้ได้ป่วย ก็ไปหาแก ส่วนมากมักมีสาเหตุมาจากความเชื่อว่าโดนคุณไสยหรือถูกภูตผีรบกวนต่างๆ นานา

แม่เล่าว่าแกเป็นทั้งหมอไล่ผีและหมอแผนโบราณด้วยค่ะ!

วันหนึ่งมีผู้หญิงข้างบ้านชื่อป้าคำใสเกิดล้มป่วย มีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายจนลือว่าผีเข้า พวกญาติพาแกไปหาหมออินให้ช่วยรักษา แม่บอกว่าป้าคำใสเป็นญาติจึงพาดิฉันไปดูด้วย

วันนั้นเองที่ดิฉันได้เห็นพิธีไล่ผีเต็มตา…

หมออินแต่งตัวชุดขาว สวมเสื้อยันต์สีแดง มีอุปกรณ์ต่างๆ ครบครัน ทั้งเขี้ยวหมูตัน มีดหมอลงอักขระ หวายอันเล็กๆ วางอยู่ข้างขันน้ำมนต์ มีใบธรณีสาร (มะขามป้อมดิน) ใช้ชุบน้ำมนต์เหมือนคนภาคกลางใช้กิ่งมะยมน่ะค่ะ

น่าสังเกตว่าต้นธรณีสารมีกิ่งใบคล้ายๆ มะยม แต่ต้นเล็กกว่าเพราะสูงราว 2-3 ฟุตเท่านั้น บางแห่งเรียกต้นเสนียด คงจะได้ชื่อมาเป็นเคล็ดในการจุ่มน้ำมนต์ประพรมเพื่อขับไล่เสนียดจัญไรนั่นเอง!

หมออินซักถามชื่อเสียงแต่ป้าคำใสไม่ตอบ เอาแต่ทำตาขวางมาทางชาวบ้านที่นั่งอยู่บนระเบียงกับนอกชานสิบกว่าคน จนหมอไล่ผีใช้กิ่งไม้จุ่มน้ำมนต์สะบัดใส่ป้าคำใส แกก็หวีดร้องเสียจนผงะหน้าไปตามๆ กัน หมออินถามชื่อซ้ำก็ไม่ยอมตอบ เอาแต่สะบัดหน้าไปมา

“งั้นก็กินหวายเถอะวะ” หมออินคำราม หน้าตาดุดัน หยิบหวายมาฟาดกระดาน 2-3 ครั้ง ป้าคำใสสะดุ้ง เฮือกๆ หลับตาปี๋ พลางร้องโอดโอยคล้ายเจ็บปวดแสนสาหัส

“มึงชื่อไร? มาจากไหน?” เสียงถามเหี้ยมๆ เร่งเร้า ขณะที่ป้าคำใสบิดตัวไปมาส่งเสียงร้องโหยหวนสลับกับเสียงแช่งด่าไม่ขาดปาก จนแป๋วลูกสาวแกร้องไห้ด้วยความสงสารแม่ แต่คนอื่นๆ เงียบกริบ เอาแต่จ้องมองแทบไม่กะพริบตา

“กูไม่บอก! กูไม่กลัวมึง…ไอ้หมอผีบ้า! โอ๊ย…” ป้าคำใสแผดร้องเหมือนคนบ้า แป๋วก็ร้องไห้จ้าไปพร้อมๆ กัน น่าขนลุกขนพองสิ้นดี!

ดิฉันเบียดแม่แน่น เสียงร้องนั้นเป็นเสียงผู้ชายชัดๆ พวกญาติๆ กับเพื่อนบ้านที่มุ่งดูก็คงขนลุกขนพอง ทุกคน เพราะเชื่อมั่นว่าป้าคำใสถูกผีร้ายเข้าสิงอย่างไม่มีปัญหา

ทันใดนั้นเองแป๋วที่ร้องไห้อยู่ข้างๆ ดิฉันก็ลุกพรวดพราดขึ้นยืน ชี้มือไปที่แม่ของแกพลางตะโกนขึ้นว่า…มันอยู่นั่นไง!!

หมออินหัวขวับมามอง แป๋วก็ชี้มือเร่าๆ ตามเดิม

“ผู้ชายนั่นมันโผล่จากตัวแม่…มันแลบลิ้นหลอกหนูมาหลายคืนแล้ว! ช่วยด้วย…”

คราวนี้หมอไล่ผีหันไปจ้องป้าคำใส…มองสูงขึ้นไป หน้าตาตื่นตะลึงเหมือนกับแกจะมองเห็นอะไรบางอย่าง! เห็นสิ่งเดียวกับที่แป๋วเห็น…

ผู้ชายคนนั้น…ผู้ชายที่สิงสู่อยู่ในร่างแม่ของแกนั่นเอง!

ผีร้ายที่ไม่มีใครมองเห็น นอกจากเด็กหญิงวัยสิบขวบเพียงคนเดียว…ดิฉันกอดแม่ไว้แน่นด้วยความหวาดกลัวแม้จะไม่เห็นใครเลย ได้ยินเสียงคนอื่นๆ ครางฮือ ไปตามๆ กัน

ทันใดนั้นหมออินก็ทิ้งหวาย คว้ามีดหมอมาเงื้อสูงก่อนจะฟันเบาๆ ลงบนพื้นพร้อมกับคำรามกระหึ่ม

“มึงกล้าลองดีกับกูก็อย่าไปผุดไปเกิดเลยวะ!”

ป้าคำใสร้องกรี๊ดก่อนจะหงายตึงลงไปแน่นิ่ง ท่าม กลางเสียงถอนใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก เพราะนั่นดูเหมือนจะเป็นสัญญาณว่าผีร้ายได้ออกจากร่างของ แกแล้ว

พวกญาติๆ ช่วยกันแก้ไขจนป้าคำใสได้สติขึ้นมา หน้าตางุนงงคล้ายกับไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น หันไปเห็นลูกสาวก็เรียกชื่อ แป๋วโผเข้ากอดแม่ ขณะที่พวกญาติยกมือไหว้หมออิน ไม่ช้าก็ทยอยกันลงจากเรือนแก

ใครคนหนึ่งถามแป๋วว่าเห็นผีออกจากร่างแม่จริงๆ หรือ? เด็กหญิงก็พยักหน้าหันไปมองบนบ้านหมอผีแล้วบอกว่า…นั่นไง! มันตามหมออินเข้าห้องไปแล้ว…

ไม่มีใครรู้แน่ว่าผีตัวนั้นโดนคาถาอาคมเข้มขลัง จนต้องกลายเป็นบริวารหมออิน หรือแกเองนั่นแหละ ที่เป็นคนปล่อยผีออกมารังควานชาวบ้าน? แต่ทุกคนต่างเชื่อว่าแป๋วเห็นผีออกจากร่างแม่ของแกจริงๆ ค่ะ!

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน