เจ้าของน้องหมาขนสีน้ำตาลทอง พันธุ์ชิบะ อินุ ไม่คิดว่า ภาพสุนัขของเธอที่มองจิกกล้อง จะกลายเป็นมีมโด่งดังในโลกออนไลน์ และออฟไลน์มาแล้วกว่า 14 ปี

คาโบสุ ชิบะเพศเมียเพิ่งลาจากโลกและ กลับดาวหมา ไปเมื่อเดือนพฤษภาคม ด้วยวัย 18 ปี แต่ดูเหมือนชื่อเสียงของคาโบสุจะยังไม่สร่างซา

อัตสึโกะ ซาโตะ เจ้าของคาโบสุ ซึ่งเป็นคุณครูโรงเรียนอนุบาลในเมืองที่เงียบสงบอย่างเมืองซากุระ ทางตะวันออกของโตเกียว เปิดใจกับ สำนักข่าว เกียวโด ว่าเธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ารูปที่เธอถ่ายหมาสุดเลิฟของเธอเล่นอยู่บนโซฟาจะกลายเป็นมีมระดับโลกได้

คาโบสุกลายเป็นแรงบันดาลใจให้การทำ dogecoin เหรียญคริปโต และนั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ซาโตะได้ทำอะไรหลายอย่าง รวมถึงการสร้างโรงเรียนสำหรับเด็กในประเทศกำลังพัฒนา และได้ติดต่อสื่อสารกับคนทั่วโลก

ชิบะ

อัตสึโกะ ซาโตะ กับรูปปั้น คาโบสุ ที่บ้านเกิด เมืองซากุระ จังหวัดชิบะ เมื่อ 7 มิ.ย. 2567 (Kyodo)

“ตอนแรกฉันไม่เข้าใจว่ามีมคืออะไร แต่ในทุกวันนี้ฉันได้รับข้อความมากมายจากคนทั่วโลก ผู้คนที่โตมากับมีมนี้มักจะทักมาว่า ‘มีมนี้ช่วยฉันได้มากๆ เลย’ หรือ ‘ขอบคุณที่สร้างความสุขให้วัยเด็กของเรานะ’” นายหญิงของสุนัขชิบะกล่าว

คาโบสุเริ่มโด่งดังในอินเตอร์เน็ตเมื่อปี 2013 (พ.ศ. 2556) ตอนที่เพื่อนของเธอส่งลิงค์เว็บไซต์รวมมีมชิบะมาให้เธอดูในอีเมล์ มีภาพของเจ้าคาโบสุกลายร่างเป็นขนมปัง, โดนัท และกลายเป็นเจ้าหมากล้ามโต

จากนั้นความนิยมของเหรียญหน้าคาโบสุก็เปรี้ยงปร้างขึ้นอีก เมื่อมหาเศรษฐกิจนักธุรกิจและเจ้าพ่อโซเชียล อีลอน มัสก์ เปลี่ยนรูปในทวิตเตอร์ของเขาเป็นรูป คาโบสุ และยังเปิดทางให้ใช้ dogecoin ในการซื้อขายสินค้าบางอย่างในบริษัท เทสลา อีกด้วย

ความหลงใหลในความน่ารักของน้องจากชาวเน็ตทำให้มูลค่าการซื้อขาย NFT ภาพมีมต้นฉบับนี้ พุ่งสูงถึง 4.2 ล้านดอลลาร์ หรือเกิน 150 ล้านบาท ทำให้ภาพคาโบสุเป็นหนึ่งในภาพถ่ายที่แพงที่สุดที่เคยมี

ซาโตะนำรายได้จากการขายภาพทั้งหมดไปบริจาคให้กับองค์กรการกุศลหลายแห่ง รวมถึงสภากาชาดญี่ปุ่น และ โครงการอาหารโลก (World Food Programme)

ไตรด็อก ผู้มีส่วนร่วมหลักในเครือข่าย Own The Doge ผู้ชนะการประมูลเหรียญคาโบสุ กล่าวชื่นชมเมื่อได้เจอตัวจริงของ อัตสึโกะ และ คาโบสุ

“เหลือเชื่อมาก เราได้เห็นว่าอัตสึโกะมีความใจดีมีเมตตามากแค่ไหน และ เจ้าคาโบสุ ก็เป็นเหมือนภาพสะท้อนของความรักนั้น หลังจากพบกันครั้งนั้นทำให้เรามักมองว่า อัตสึโกะ เป็นพลังที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังเจ้าชิบะตัวนี้”

ปีที่แล้วกลุ่ม Own The Doge กำหนดให้วันที่ 2 พฤศจิกายนเป็นวันโดจ (Doge) สากล ทั้งให้ทุนสนับสนุนการสร้างรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ของ คาโบสุ ที่สวนสาธารณะในบ้านเกิดของน้อง ที่น้องมักจะไปเดินอยู่บ่อยๆ อนุสาวรีย์เปิดตัวในวันเกิดของคาโบสุ ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับวันที่ ซาโตะ รับเลี้ยงน้องในปี 2008 (พ.ศ. 2551)

คาโบสุใช้ชีวิตที่สงบสุขกับซาโตะ, สามีของซาโตะ และแมวอีก 3 ตัว ครอบครัวนี้ชอบที่จะออกเดินทางไปทั่วญี่ปุ่นและมักจะเดินทางอยู่บ่อยๆ ซาโตะมักโพสต์แผนการเดินทางของเธอลงในบล็อก

พวกเขาไปถึงแม้กระทั่งที่ไกลๆ อย่างฮอกไกโดและทักทายแฟนๆ ระหว่างทางตลอด

ชิบะ

ภาพบันทึกความทรงจำที่แสนอบอุ่น คัตสึโกะ ซาโตะ อุ้มเจ้า คาโบสุ ตอนไปเที่ยวมัตสึชิมะ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น เมื่อเดือนตุลาคม 2564 (Photo courtesy of Atsuko Sato / Kyodo)

ซาโตะ กล่าวไว้ว่า คาโบสุ เป็นหมาที่ทำงานหนักมาก ถึงแม้จะมีแฟนๆรอถ่ายรูปกับเจ้า คาโบสุ กว่า 200 คน น้องก็ยังยอมให้แฟนคลับถ่ายด้วยทุกคนโดยไม่ก่อความวุ่นวายเลยแม้แต่น้อย

ในเดือนธันวาคม ปี 2022 (พ.ศ. 2565) จู่ๆ คาโบสุก็ล้มป่วยหนักด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและโรคตับ ทำให้ซาโตะตกใจเป็นอย่างมาก

สิ่งที่ทำให้เธอตกใจยิ่งกว่าคือข่าวคราวนี้สะพัดไปทั่วโลก แม้กระทั่งข่าวภาคค่ำในสหรัฐอเมริกา ตอนนั้นเธอคิดว่า “ถ้าอาการป่วยของเจ้าคาโบสุยังเป็นข่าวได้ขนาดนี้ แล้วถ้าเจ้าคาโบสุจากพวกเราไปจะเกิดอะไรขึ้น”

หลังจากนั้นอาการของคาโบสุเหมือนจะดีขึ้น แต่อีกไม่กี่เดือนต่อมาในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วกลับทรุดลงอีกครั้ง มันไม่สามารถกินอาหารแข็งได้ ทำให้ต้องป้อนอาหารผ่านกระบอกฉีดยา

ปีต่อมาเมื่อซาโตะประกาศว่า “คาโบสุได้จากพวกเราไปแล้ว” ทำให้เกิดคลื่นอาลัยไปทั่วโลก คอมเมนต์มากมายหลั่งไหลในอินสตาแกรมมากมายด้วยหลากหลายภาษา เธอรับรู้ได้ถึงพลังความรักถาโถมเข้ามาเป็นจำนวนมาก

พิธีรำลึก คาโบสุ ที่เมืองนาริตะ จังหวัดชิบะ เมื่อ 26 พ.ค. 2567 (Photo courtesy of Atsuko Sato / Kyodo)

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ซาโตะจัดพิธีอาลัยคาโบสุขึ้นที่ร้านดอกไม้ของเพื่อน ในเมืองนาริตะ จังหวัดชิบะ มีแฟนๆ หลายร้อยคนมาแสดงความเคารพกับการจากไปของเจ้าคาโบสุ ทั้งจากเอเชียและประเทศที่อยู่ไกล เช่น อิสราเอล สหรัฐอเมริกา และแคนาดา

ถึงขณะนี้คาโบสุยังคงเป็นอมตะ และเป็นที่จดจำในฐานะตำนานของอินเตอร์เน็ต

ไตรด็อกกล่าวว่า สารคดีเกี่ยวกับคาโบสุอยู่ในขั้นดำเนินการ และเผยว่าพวกเขามีเป้าหมายในการทำลายสถิติโลกโดยร่วมมือกับ Guinness Book of World Records เนื่องในวัน International Doge Day ปลายปีนี้ด้วย

สำหรับซาโตะยังมีแผนที่จะอัพเดตเว็บบล็อก เกี่ยวกับเรื่องของเจ้าคาโบสุที่ไม่เคยเล่าที่ไหนมาก่อน และยังเปิดรับการรับเลี้ยงน้องหมาตัวอื่นๆ

“ฉันไม่ได้คิดถึงความยิ่งใหญ่อะไรเลย เพราะสำหรับฉันเจ้าคาโบสุไม่ใช่โดจผู้โด่งดัง แต่เธอเป็นแค่ ‘คาโบะจัง’ สำหรับฉันมาโดยตลอด” ซาโตะกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน