สัปดาห์ก่อนพาไปดื่มดำความโรแมนติกของเกาะเวนิซ พร้อมกับสัมผัสบรรยากาศล่องเรือกอนโดลามาแล้ว

หากทริป EXCLUSIVE PRESS TRIP VENICE-MILAN ช่วงต้นเดือนต.ค. ที่ธนาคารออมสินเป็นเจ้าภาพ ความประทับใจยังไม่จบแค่นั้น

วันที่สี่ของการเดินทางเราไปเที่ยวตอนเหนือของเวนิซ ออกจากที่พัก Albergo Cavalletto and Doge Orseolo Venice ลงเรือไปถึงท่าเรือตรอนเชตโต้ เวนิซ เมสเตร้ แล้วเดินทางต่อไปที่เมืองเวโรน่า (Verona)

หลากหลาย

เวโรน่า อารีน่า

หลากหลาย

ภายในเวโรน่า อารีน่า

เวโรน่า เมืองมรดกโลกอีกแห่งที่ยูเนสโกรับรอง สิ่งก่อสร้างสมัยโรมันยังคงมีสภาพสมบูรณ์แบบจนได้รับสมญานามว่า LITTLE ROMAN และมีกลิ่นอายของศิลปวัฒนธรรมที่ชวนหลงใหล ที่สำคัญเป็นเมืองแห่งความรักที่ทั่วโลกรู้จัก เพราะมี ‘บ้านจูเลียต’

 

 

หลังมื้อกลางวัน ปิอัซซ่าบรา (Piazza Bra) เรียก Bra Square คือจุดหมายแรกของวันนี้ ปิอัซซ่าบราเป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดและเป็นศูนย์กลางของเมืองเวโรน่า มีร้านค้า ร้านอาหารรายล้อม และเป็นที่ตั้งของสิ่งปลูกสร้างที่สำคัญ

หลากหลาย

จัตุรัสปิอัซซ่าบรา ด้านหน้าเป็นศาลาว่าการของเมืองเวโรน่า

อาทิ ปาลาซโซบาร์เบียรี (Palazzo Barbieri) ศาลาว่าการของเมืองเวโรน่า ซึ่งเดิมเป็นพระราชวัง Palazzo della Gran Guardia Nuova

รวมทั้ง เวโรน่า อารีน่า (Verona Arena) อัฒจันทร์แบบโรมันที่ใหญ่เป็นอันดับสามของอัฒจันทร์ในอิตาลี ปัจจุบันยังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม และใช้ในการแสดงคอนเสิร์ตระดับโลก ละครโอเปร่าและงานสำคัญอื่นๆ

หลากหลาย

บ้านจูเลียต

จากนั้นไปยังไฮไลต์ของเมืองเวโรน่า บ้านจูเลียต (Casa di Giulietta) บ้านเลขที่ 27 ถนน Via Cappello นักท่องเที่ยวรู้จักในชื่อบ้านจูเลียต แต่ความจริงบ้านหลังนี้เคยเป็นของตระกูล Cappello ที่ไปคล้ายกับตระกูล Capulet ของจูเลียต จึงถูกอุปโลกน์ให้เป็นบ้านจูเลียตและพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว

หลากหลาย

รูปปั้นจูเลียต

แม้จะเป็นบ้านอุปโลกน์ แต่เพราะเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักที่ยั่งยืนทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะหนุ่มสาวที่มาขอพรเพราะเชื่อกันว่าหากใช้มือลูบหน้าอกด้านซ้ายของรูปปั้นจูเลียตที่ตั้งอยู่หน้าบ้าน ความรักจะสมหวังยั่งยืน

หลากหลาย

พวงกุญแจสื่อรัก

เห็นชัดว่าที่นี่ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวหนุ่มสาวที่เบียดเสียดกันรอคิวจับหน้าอกจูเลียต รวมถึงรอขึ้นไปถ่ายรูปที่ระเบียงหน้าบ้าน จุดที่ ‘โรมิโอ’ สารภาพรัก ‘จูเลียต’ ฉากโรแมนติกตามบทประพันธ์ ซึ่งเดิมบ้านหลังนี้ไม่มีระเบียงแต่มาต่อเติมขึ้นภายหลัง

กำแพงทางเข้าบ้านมีร่องรอยการขีดเขียนข้อความ คำอธิษฐานและชื่อของคู่รัก ส่วนถนนทางเข้าบ้านเต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของโรมิโอกับจูเลียต เช่น กุญแจรูปหัวใจ เสื้อผ้าลายปักรูปหัวใจ

ดื่มด่ำกับเรื่องราวความรักในตำนานไปแล้ว เราขึ้นรถบัสไปเมืองซีร์มิโอเน่ (Sirmione) เมืองที่เป็นแหลมยื่นไปในทะเลสาบ การ์ดา ในสมัยโรมันเหล่าผู้มีฐานะทั้งหลายใช้เมืองนี้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ

หลากหลาย

อีกมุมเมืองซีร์มิโอเน่

ไปถึงที่พักช่วงเวลาโพล้เพล้ Splen dido Bay Luxury Spa Resort เป็นที่พักติดชายทะเล ก่อนมื้อค่ำเลยมีโอกาสได้ฟังเสียงคลื่น ดูพระอาทิตย์ตกที่ริมชายหาด ท่ามกลางอากาศที่ยิ่งมืดยิ่งหนาว บรรยากาศเชิญชวนให้อยู่ต่อหลายๆ วัน

เช้าวันที่ห้าของการเดินทาง คณะขึ้นรถบัสไปที่ท่าเรือเมืองซีร์มิโอเน่เพื่อล่องเรือชมทะเลสาบการ์ดา ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่เกิดจากการละลายของน้ำแข็งบนเทือกเขาแอลป์ ท้องทะเลสีฟ้าเข้ม วิวภูเขาและบ้านเรือนน่ารักริมฝั่ง ทำให้การล่องเรือราวกว่า 20 นาทีดูสั้นไปจริงๆ

หลากหลาย

ปราสาทสกาลิเกโร เมืองซีร์มิโอเน่

เรือจอดนิ่งให้คณะถ่ายภาพด้านหน้าปราสาทเก่าแก่ The Scaliger of Sirmione แลนด์มาร์กของเมืองซีร์มิโอเน่ กำแพงหินที่บางส่วนจมอยู่ใต้น้ำดูขัดแย้ง แต่ก็สวย ยิ่งใหญ่และเคร่งขรึมในเวลาเดียวกัน

ผ่านกำแพงมีบันไดให้ขึ้นไปเที่ยวชมทัศนียภาพของเมืองด้านบน บรรยากาศของเมืองที่ดูสโลว์ไลฟ์ สบายๆ ไม่อึดอัด ตามตรอกต่างๆ เต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านไอศกรีม ร้านขายของที่ระลึก รวมถึงโบราณสถานหลงเหลือ

ถึงซีร์มิโอเน่จะเป็นเมืองเล็กแต่ก็มีเสน่ห์ที่มีเอกลักษณ์ ให้บรรยากาศเมืองตากอากาศย้อนยุคอย่างที่ผู้มีฐานะในยุคโรมันเลือกสรร

หลากหลาย

วิวจากทะเลสาบการ์ดา

ช่วงบ่ายเราเดินทางไปยังเมืองหลวงแห่งแฟชั่น ถึงกรุงมิลานก็เย็นย่ำ สายแฟชั่นมีเวลาไปช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม มากมายที่อาคาร Galleria Vittorio Emmanuele II รวมถึงห้าง Rinacente

ก่อนจะไปอิ่มอร่อยกับมื้อค่ำที่ภัตตาคารอาหารไทย Kindll Baan Thai ผัดกะเพรา ไข่เจียว แกงเขียวหวาน ไก่ทอด เป็นมื้อที่เลิศรสจริงๆ จากนั้นไปเดินย่อยด้วยการชมความงามของมหาวิหารดูโอโม่ (Duomo di Milano)

หนังท้องตึงหนังตาหย่อนผสมความเพลียจากการนั่งรถลงเรือเลยรีบเข้าที่พัก หลับปุ๋ยที่ Rosa Grand Miland กลางกรุงมิลาน

รุ่งขึ้นไปชมทะเลสาบโคโม่ (Como) แคว้นลอมบาร์เดีย สีเทอร์ควอยซ์ของ น้ำทะเลที่มีเทือกเขาแอลป์เป็นฉากหลัง จึงไม่มีใครปฏิเสธฉายา ‘บิวตี้ควีน’ ทะเลสาบที่สวยที่สุดในอิตาลี

หลากหลาย

หมู่บ้านเบลลาจิโอ

คณะลงเรือเฟอร์รี่ข้ามไปยังหมู่บ้านเบลลาจิโอ (Bellagio) หมู่บ้านที่ได้ชื่อว่าสวยงามที่สุดของทะเลสาบโคโม่ บรรดาผู้มีชื่อเสียงและมหาเศรษฐีจึงพากันมาซื้อบ้านพักที่นี่

เมืองมีลักษณะเป็นทางเดินขึ้นบันไดและถนนเล็กๆ ที่สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านขายของมากมาย ร้านชีส ร้านขายของที่ระลึก ของแต่งบ้าน ไม่ว่าจะเป็น หัวมุมตึก ขั้นบันได หน้าร้านขายของ สวยโดนใจสายถ่ายรูปแน่นอน การเดินชมเมืองเล็กๆ ที่น่ารักแห่งนี้เพลิดเพลินจนลืมเวลา

ได้เวลากลับไปพักที่ Rosa Grand Miland อีกคืน เพื่อที่รุ่งขึ้นจะได้เข้าชมมหาวิหารดูโอโม่

ดูโอโม่ เป็นมหาวิหารแบบโกธิกที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นโบสถ์ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของยุโรป สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่กษัตริย์วิกเตอร์เอมมานูเอลที่ 2 โดยมีอนุสาวรีย์ของพระองค์ทรงม้าอยู่ที่ลานด้านหน้ามหาวิหาร

หลากหลาย

มหาวิหารดูโอโม่

หลากหลาย

ภายในมหาวิหารดูโอโม่

ปลายยอดบนสุดเป็นรูปปั้นทองคำของพระแม่มาดอนนิน่า ล้อมด้วยหลังคายอดเรียวแหลม 135 ยอด และรูปปั้นหินอ่อนกว่า 3,000 ชิ้น จึงสวยแบบแปลกตา ยามค่ำคืนยิ่งงดงาม ด้านในประดับประดาด้วยรูปปั้นนักบุญ ภาพเรื่องราวจากพระคัมภีร์ เพดาน ผนัง หน้าต่างเป็นภาพเขียนและ สเตนกลาสที่มีสีสันและลวดลายวิจิตร

ปัจจุบัน มหาวิหารดูโอโม่เป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญของมิลาน เป็นสถานที่จัดงานสำคัญๆ และเป็นจุดนัดพบของผู้คน

ตลอด 6 วันของการเที่ยวชมอิตาลีทริปนี้เรียกว่าครบรสชาติ ได้ชื่นชมความงดงามของโบราณสถาน ดื่มด่ำกับธรรมชาติ และสัมผัสเสน่ห์ของบ้านเมือง รวมถึงชาวอิตาเลียนที่ดูเป็นมิตร

เชื่อว่าอิตาลีเป็นอีกประเทศที่หลายคนอยากกลับไปเยือน

วไลพร กลิ่นโสม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน