เที่ยวชุมชน กินลม ห่มทราย – ประจวบคีรีขันธ์นับเป็นจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญของไทย เพราะโอบล้อมไปด้วยทะเล ธรรมชาติอันสวยงาม มีที่พักให้เลือกหลากหลาย โดยเฉพาะหัวหิน และปราณบุรี

แต่วันนี้ขอแนะนำสถานที่ใหม่ที่น่าไปเช็กอิน นั่นคือ “ชุมชนบ้านทุ่งประดู่” จะได้สัมผัสการท่องเที่ยวชุมชนที่กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ในยุคนี้

“บ้านทุ่งประดู่” ได้ชื่อมาตามต้นประดู่ที่อดีตขึ้นเป็นทุ่ง อยู่จำนวนมาก เมื่อมีบ้านเรือนเข้ามาตั้งจึงเรียกขานว่า หมู่บ้าน ทุ่งประดู่ ซึ่งปัจจุบันต้นประดู่ยังคงมีให้เห็นอยู่ในลานวัดทุ่งประดู่ ชาวบ้านที่นี่ประกอบอาชีพประมงและการเกษตรตามรอย พระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9

ดังนั้น รูตการท่องเที่ยวที่ชาวบ้านรวมตัวกันสร้างสรรค์ และองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรืออพท. มาถ่ายทอดองค์ความรู้การบริหารจัดการ จึงนำมาสู่กิจกรรมการท่องเที่ยวที่ยังคงอัตลักษณ์วิถีชีวิตของท้องถิ่นไว้ได้

หากไปจากกรุงเทพฯ ชุมชนบ้านทุ่งประดู่จะอยู่ก่อนถึง อ.ทับสะแก 2 กิโลเมตร มองทางซ้ายจะเห็นป้ายบอกว่า “วัดทุ่งประดู่” เลี้ยวเข้าไปเลย เพื่อนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไหว้พระขอพร วัดนี้ตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2466

จากนั้นเดินทางไปยังด้านในของชุมชนผ่านการใช้บริการ 3 ล้อรถแท็กซี่หมู่บ้านหรือซาเล้งเครื่องที่รองรับนักท่องเที่ยวได้คันละ 2-3 คนเพื่อรับลม ชมทะเลเลียบชายหาด ก่อนมุ่งไปสู่ศูนย์ชุมชนทำกิจกรรม D.I.Y ร้อยลูกปัดจากกะลามะพร้าว ทำมัดย้อมจากสีกากมะพร้าวเผา ทำสบู่น้ำมันมะพร้าว

ไฮไลต์สำคัญคือเรียนรู้การทำ “ขนมอัญมณีนกคุ้ม” ที่มีแห่งเดียวในประเทศไทยที่นำมะพร้าวสายพันธุ์พิเศษ “มะพร้าวนกคุ้ม” มีลักษณะลูกเล็กเรียวและมีน้ำที่หวานกว่ามะพร้าวทั่วไป

โดยนำเนื้อมะพร้าวนกคุ้มที่อ่อนกำลังพอดีมาหั่นและแช่น้ำสมุนไพรให้เกิดสีสันสวยงาม จากนั้นคลุกกับแป้ง 3 สี ได้แก่ แดงขาว น้ำเงิน ซึ่งเป็นสีของอัญมณี 3 ชนิดคือ ทับทิม เพชร และไพลิน หน้าตาออกมาคล้ายๆ กับทับทิมกรอบ กินกับน้ำแข็งใส่น้ำกะทิ หวานหอมชื่นใจ

ส่วนอาหารมื้อกลางวันมีเมนูซิกเนเจอร์ของบ้านทุ่งประดู่ไว้รองรับทั้ง “มัจฉาพาลุยสวน” ที่ผสมผสานประมงกับเกษตรไว้อย่างลงตัว ต่อด้วย “เพลิงวารี” หรือ “งบทะเลย่าง” และ “น้ำพริกกะปิที่ผลิตจากเคย” วัตถุดิบชั้นเลิศประจำถิ่นที่ใครมาแล้วต้องลองลิ้มชิมรส การันตีความอร่อยได้

จุดหมายสุดท้ายที่พลาดไม่ได้ นั่นคือกิจกรรมทางทะเลว่าด้วยการทำ “สปาทราย” หรือ “ห่มทราย” บริเวณหาดสน ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชุมชนที่สืบทอดกันมาเพื่อเป็นการบำบัดความเครียด และยังขับสารพิษออกจากร่างกายด้วย

ก่อนทำต้องดื่มน้ำมะพร้าวนกคุ้ม เพราะต้องนอนในทรายที่เจอแดด และลม อาจทำให้ร่างกายเสียน้ำได้ หลังจากนอนทำสปาทราย 30 นาทีจะปิดท้ายด้วยการนวดแผนไทย

ห่มทรายกันไปแล้ว ยังมีกิจกรรมที่เจริญรอยตามศาสตร์พระราชาของในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยกิจกรรมแล่นเรือใบ สำหรับสายแอดเวนเจอร์เพื่อเรียนรู้ทักษะการบังคับเรือใบ โดยโค้ชผู้สอนเป็นเยาวชนทีมชาติที่อาศัยในชุมชนแห่งนี้ พร้อมที่จะถ่ายทอดศาสตร์การเดินเรือใบขนาดเล็ก ทำให้เป็นอีกกิจกรรมที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ทั้งครอบครัว

ผู้ที่รักสุนัข สามารถแวะไปยังถนนเลียบชายหาด บริเวณสะพานตกปลา ที่มีรูปภาพข้างกำแพงให้หลายคนไปเช็กอิน ในรูปดังกล่าวจะมีภาพสุนัขสีน้ำตาลยืนประกบไว้ ซึ่งไม่แน่ว่าคุณอาจโชคดีได้เจอตัวจริงเจ้าสุนัขในภาพด้วย เพราะเจ้าแดงตัวนี้ว่ากันว่ามักจะเดินต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นกันเองให้สังเกตกันดีๆ

ส่วนใครที่อยากได้ของฝากประเภทอาหารทะเลแปรรูปเป็นสินค้าท้องถิ่นก็มีให้เลือกในหลายๆ จุด อาทิ ปลาแห้ง น้ำเคย กะปิ เป็นต้น

“การจะเข้ามาท่องเที่ยวชุมชนบ้านทุ่งประดู่เพื่อให้สัมผัสวิถีชุมชนคุณจำเป็นต้องติดต่อทางชุมชนมาก่อนล่วงหน้าซึ่งสามารถติดต่อได้ที่ 08-1572-9665 (คุณปิ่น) ได้ตลอดเวลาเพื่อตกลงการจัดโปรแกรมวัน เดย์ ทริป หรือมากกว่า 1 วันได้ตามความต้องการนักท่องเที่ยว โดยสามารถรองรับได้ตั้งแต่กลุ่มขนาดเล็ก 3-4 คน กลุ่มครอบครัว ไปจนถึงกลุ่มดูงาน 30-40 คน สาเหตุที่ต้องติดต่อล่วงหน้าเพราะบางกิจกรรมต้องหาวัตถุดิบให้เพียงพอ” นายวิทยา สันติสุขไพบูลย์ ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวชุมชนบ้านทุ่งประดู่ กล่าวอธิบาย และยังบอกว่า เหตุที่มาของการจัดกิจกรรมเพราะไม่ต้องการมุ่งแต่ขายของอย่างเดียว แล้วสุดท้าย อัตลักษณ์ต่างๆ วิถีชีวิตของชุมชนดั้งเดิมอาจเลือนหายไป เราจึงเน้นขายในกระบวนการผลิตสินค้า

นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจะได้สัมผัสความแตกต่างจากสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ซึ่งจะได้เรียนรู้วิถีการทำประมง วิถีการทำเกษตรได้รับมาตรฐาน Organic Thailand เพื่อให้สิ่งเหล่านี้เกิดความยั่งยืนและยังอยู่ต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน สอดรับกับแนวทางการพัฒนา ของอพท.

ด้าน นายสุจินต์ มีประดิษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการสำนักงานพื้นที่พิเศษ 8 หรือ อพท.8 กล่าวว่า ประจวบคีรีขันธ์เป็นหนึ่งในพื้นที่อพท.8 ที่ได้เข้ามาเห็นศักยภาพของชุมชนบ้านทุ่งประดู่ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวบนชายฝั่งทะเลตะวันตกของอ่าวไทยอีกแห่งหนึ่งที่มีธรรมชาติสวยงาม ผสมผสานกับวิถีดั้งเดิมของ การดำรงชีวิตของชุมชน จึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ และชุมชนจัดกิจกรรมท่องเที่ยววิถีชุมชนขึ้นเพื่อให้คนไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ได้มาซึมซับกับวิถีชีวิตดั้งเดิมที่หากไม่สืบทอดก็อาจจะเลือนหายไป

ช่วงเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปี 2563 สถานการณ์การท่องเที่ยวได้เปลี่ยนไปจากผลกระทบโควิด-19 มีการล็อกดาวน์ ท่องเที่ยวหยุดชะงัก แต่ด้วยศักยภาพของชุมชนและอพท.8 ทำให้ “ชุมชนบ้านทุ่งประดู่” เป็นชุมชนต้นแบบของประเทศไทยที่สามารถกลับมาเปิดให้บริการท่องเที่ยววิถีใหม่ในเชิงอนุรักษ์อย่างยั่งยืนเต็มรูปแบบอีกครั้ง ด้วยมาตรฐานรางวัล DASTA Awards 2020 และจะก้าวขึ้นสู่การเป็นชุมชนเกรด A ซึ่ง อพท.จะส่งเสริมในเรื่องการตลาดและการประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น

ที่สำคัญรอยยิ้มของชุมชนบ้านทุ่งประดู่ รอต้อนรับนัก ท่องเที่ยวอยู่เสมอ

องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ
เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน