ชมวิถีชุมชนหนองคาย – หลังร่วมกับคณะนายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อเป็นประธานการประชุมคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์และการรับคำขอขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) ของจ.บึงกาฬ และหนองคาย

ทำให้ได้มีโอกาสไปเยือนสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของทั้งสองจังหวัด

เริ่มจากท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านเดื่อ ต.บ้านเดื่อ อ.เมือง จ.หนองคาย เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ริมฝั่งแม่น้ำโขง ห่างจากตัวเมืองหนองคาย 20 กว่ากิโลเมตร

นายสมจิต จันทำมา ประธานท่องเที่ยวชุมชนบ้านเดื่อและคณะกรรมการให้ข้อมูลว่า สมัยก่อนชาวบ้านเดื่อมีอาชีพทำการประมงและปลูกพืชผักแบบขั้นบันไดตามริมฝั่งโขง ต่อมาชุมชนได้รับการสนับสนุนจากโครงการประชารัฐและสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวจ.หนองคาย เข้ามาส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด ทำให้คนในชุมชนรวมตัวกันขึ้นจนกลายเป็น “แหล่งท่องเที่ยวชุมชนบ้านเดื่อ” ในพ.ศ.2560

กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสคือ การสักการบูชาหลวงพ่อทันใจ ทำกระทงดอกไม้ พับนกใบตาล เยี่ยมชมและให้อาหารปลานิลกระชังน้ำโขง ทำเมนูเมี่ยงมะเดื่อปลานิลทอด และ ช็อปปิ้งผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน

ทุกกิจกรรมมีความเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตชาวบ้านแบบดั้งเดิม เช่น เมนูเมี่ยงมะเดื่อปลานิลทอด เกิดจากการที่ในหมู่บ้านมีการเลี้ยงปลานิลกระชังในแม่น้ำโขง ซึ่งเลี้ยงในน้ำไหลทำให้ปลามีเนื้อแน่น ไม่มีกลิ่นโคลน ไขมันน้อย รสชาติดี ในอนาคตหน่วยงานในพื้นที่จะศึกษาความเป็นไปได้ในการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เพื่อสร้างรายได้สู่ชุมชนและสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนต่อไป

ในพื้นที่บ้านเดื่อ มีกระชังปลานิล 215 กระชัง เกษตรกร ผู้เลี้ยงปลานิล 25 ราย ปริมาณ 38 ตันต่อปี สร้างรายได้ให้เกษตรกรรวมกว่าปีละ 2 ล้านบาท

นอกจากเกษตรกรจะทำตลาดเองแล้ว ทางพาณิชย์จังหวัดได้เพิ่มช่องทางการตลาดผ่านเพจ “ของดีมีให้ช็อป@หนองคาย by พาณิชย์”

หากนักท่องเที่ยวต้องการไปเยือนชุมชนบ้านเดื่อ โดยเฉพาะหากมาคณะใหญ่ทางชุมชนแนะนำให้โทรศัพท์มานัดวันเวลาเพื่อจะได้เตรียมการต้อนรับอย่างทั่วถึง

ติดต่อน.ส.ขนิษฐา จันทำมา ประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านเดื่อ โทร. 08-6953-9997 หรือเฟซบุ๊ก ท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านเดื่อ จังหวัดหนองคาย, ไอดีไลน์แอด 08-6953-9997 และ www.ชุมชนบ้านเดื่อจังหวัดหนองคาย.com

จากนั้นได้ไปเยือนหมู่บ้านโอท็อป วิลเลจ บ้านสะง้อ ต.หอคำ อ.เมือง จ.บึงกาฬ ที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มตามแนวแม่น้ำโขง

มีที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติโดดเด่นหลายที่ โดยเฉพาะ “เหนือที่สุดแดนอีสาน” เป็นจุดชมวิวที่มีความแตกต่างในแต่ ละวันเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกพร้อมกับพระจันทร์ขึ้น

ที่นี่ยังมีโฮมสเตย์และบริการนำเที่ยวโดยไกด์ของหมู่บ้าน ติดต่อสอบถามได้ที่เพจ : เที่ยวมะสะง้อ จ.บึงกาฬ

สินค้าเด่นที่รอให้นักท่องเที่ยวไป ช็อปปิ้งก็น่าสนใจ โดยเฉพาะผ้าหมักโคลนดารานาคี ของคุณสมพรแสงกองมี บ้านสะง้อ ต.หอคำ อ.เมือง

โดยการนำโคลนจากริมแม่น้ำโขงมาหมักกับผ้าฝ้ายด้วยกรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิม ทำให้ผ้ามีสีต่างๆ เช่น เทาเข้ม น้ำตาลเข้ม น้ำตาลอ่อน น้ำเงิน เป็นต้น สีไม่ตก มีผิวสัมผัสนุ่ม มันวาว และมีกลิ่นหอมละมุนของไอดิน เป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่นของชาวบึงกาฬ

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้ผลิตและ จำหน่ายเด่นๆ ของบึงกาฬ เช่นผ้าฝ้ายใบทอง ของแม่แถม ศรีวิชัย ต.ป่าแฝก อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ โดยทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ

หากสนใจไปเยี่ยมชมและช็อปปิ้งสินค้าของกลุ่ม ซึ่งมีทั้งผ้าคลุมไหล่ ผ้าพันคอ ชุดสำเร็จรูป กระโปรง เสื้อ กางเกง กระเป๋า หน้ากากผ้า ติดต่อได้ที่ เพจ : ผ้าฝ้ายใบทอง ของแม่แถม ศรีวิชัย และกลุ่มตัดเย็บเสื้อผ้าขาวม้าหมักโคลนดารานาคี

ส่วนอีกที่ที่นักท่องเที่ยวสายลุยไม่ควรพลาดคือการขึ้นภูสิงห์ ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่า ดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู ต.นาสิงห์ อ.ศรีวิไล เมื่อขึ้นมาด้านบนภูสิงห์จะมีที่เที่ยวชมสุด อันซีนทางธรรมชาติของจ.บึงกาฬ คือ “หินสามวาฬ” มีอายุประมาณ 75 ล้านปี เป็นหินขนาดใหญ่ แยกตัวเป็น 3 ก้อน ยื่นออกจากหน้าผาสูง เมื่อมองจากมุมสูงจะมีลักษณะเหมือนวาฬสามตัวขนาดใหญ่ กลาง เล็ก จนมีการตั้งชื่อว่าเป็นวาฬ พ่อ แม่ ลูก ว่ายน้ำเคียงคู่กันท่ามกลางความเขียวขจีของป่าไม้ที่อยู่เบื้องล่าง

บนภูสิงห์ยังมีที่เที่ยว อาทิ ลานธรรมภูสิงห์, หินหัวช้าง, ประตูภูสิงห์, ส้างร้อยบ่อ ซึ่งแต่ละจุดมีความสวยงามที่แตกต่างกัน ออกไป

การขึ้นไปชมภูสิงห์ ติดต่อสอบถามโทร. 09-1060-0231 เปิดให้บริการ 05.30-17.00 น. ถ้ามาชมช่วงพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าจะสวยงามสุด

รุ่งเช้าวันต่อมา คณะเราเดินทางไป “ภูทอก” ซึ่งเป็นที่ตั้งของ วัดเจติยาศรีวิหาร (วัดภูทอก) ในภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่ โดดเดี่ยว ห่างจากตัวเมืองบึงกาฬประมาณ 40 กิโลเมตร ตั้งอยู่ที่บ้านคำแคน หมู่ที่ 6 ต.นาแสง อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ

ในอดีตอาณาบริเวณนี้เคยเป็นป่าทึบ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย ต่อมาได้ถูกพัฒนาเป็นแหล่งบำเพ็ญเพียรให้พุทธศาสนิกชน ปฏิบัติธรรม

โดยก่อนที่พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ จะละสังขาร ได้รวบรวมแรงศรัทธานำพาเหล่าลูกศิษย์และชาวบ้านช่วยกันสร้างบันไดไม้วนรอบภูเขาแห่งนี้สูงถึง 7 ชั้น เชื่อกันว่าเป็นบันไดไปสู่สวรรค์ และนิพพาน ดังนั้น นักท่องเที่ยวต้องใช้ความอดทนอย่างมากกับการก้าวขึ้นไปชั้นบนสุด แต่เมื่อเห็นวิวข้างบนแบบ 360 องศา เชื่อว่าจะลืมความเหนื่อยล้าไปได้สนิท

ก่อนกลับได้ฝากท้องมื้อเที่ยงที่ “เฮือนหาดคำ” อ.เมือง จ.หนองคาย ร้านอาหารไทยพื้นเมืองอีสานรสชาติอร่อย ในบรรยากาศริมฝั่งโขง ซึ่งมีที่พักไว้รองรับนักท่องเที่ยวด้วย ติดต่อจองที่พัก โทร.09-6632-9629, 09-9054-5230 และเพจ เฮือน หาดคำ

ถึงบรรทัดนี้แล้วเชื่อว่า “หนองคาย-บึงกาฬ” จะเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวครั้งหน้าของทุกคนนะคะ

วรนุช มูลมานัส – เรื่อง
กัญจน์ จรัสศิลป์ โสภณ สุริโย วงษ์ลุน – ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน