หลังจีนเปิดประตูท่องเที่ยว ภายใต้มาตรการวีซ่าฟรีกับประเทศไทยตั้งแต่ มี.ค.2567 “สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล” จึงได้จัดสื่อมวลชนสัมพันธ์ ประจำปี 2567
ทริปนี้ไปเยือนกันถึง 3 เมือง ได้แก่ ปักกิ่ง-หางโจว และเซี่ยงไฮ้ เพื่อศึกษาสภาพเศรษฐกิจ-สังคม และความเป็นอยู่ นอกเหนือไปจากเรื่องนวัตกรรมงานด้านสลาก เรียกว่า ได้ความรู้เปิดประสบการณ์กันอย่างจุใจ!
ต้องขอบอกว่าประสบการณ์ไปจีนล่าสุดก็ปี 2008 ผ่านมากว่า 16-17 ปี สภาพแวดล้อมจีนค่อนข้างเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ตอนนั้นว่าพัฒนาแบบก้าวกระโดด เพื่อเปิดเมืองรับทัพนักกีฬา และนักท่องเที่ยว สมัยเป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิก ฤดูร้อนแล้ว มาคราวนี้ ปักกิ่งมีเซอร์ไพรส์มากกว่าเดิม
ที่เห็นชัดเจนคือ ผู้คนมีชีวิตชีวามากขึ้น บ้านเมืองดูเป็นระเบียบ แต่การจราจรติดขัดกว่าเดิม ท้องถนนที่เต็มไปด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า สะท้อนให้เห็นว่าเป็นเมืองหลวงแห่งอนาคตและนวัตกรรม
ขณะที่ภาพจำ เสียงชาวจีนตึงตัง ยังพอมีให้เห็นอยู่ประปราย และไม่ต้องห่วงว่าห้องน้ำห้องท่าจะไม่สะดวก เพราะจีนอัพเกรดแล้วจริงๆ เรียกว่าสะดวกสบายกว่าก่อนมาก
จัตุรัสเทียนอันเหมิน
ในกรุงปักกิ่งแน่นอนว่า คงไม่พลาดกับจุดท่องเที่ยวไฮไลต์ อย่าง “จัตุรัสเทียนอันเหมิน” สมกับสมญานามว่าเป็นหนึ่งในจัตุรัสที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก มองไปไกลๆ กว้างๆ นอกจากจะเห็นเสาธงชาติจีนต้นใหญ่ ยังมีฉากหลังเป็นกำแพงสีแดง ที่มีรูปภาพ “ประธานาธิบดีเหมา เจ๋อ ตุง” สะกดทุกสายตาผู้มาเยือน
เมื่อผ่านกำแพงแดงในชั้นแรกนี้เข้าไป ก็ถึงคิว “พระราชวังต้องห้าม” ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น “มรดกโลกแห่งเมืองจีน” ซึ่งตามประวัติศาสตร์เล่าว่า เดิมพระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับของจักรพรรดิจีนมาหลายราชวงศ์ และปัจจุบันพระราชวังต้องห้ามนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดในปักกิ่ง และมีความยิ่งใหญ่อลังการของสถาปัตยกรรมจีนโบราณ
พระราชวังต้องห้าม แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ พระราชฐานชั้นนอก และพระราชฐานชั้นใน
ก่อนจะผ่านเข้าสู่พระราชวัง จะพบกับ “ประตูอู่” ไฮไลต์สำคัญที่พลาดไม่ได้เลยคือ “พระที่นั่งไท่เหอ” เรียกว่าเป็น 1 ใน 3 พระที่นั่งที่สำคัญที่ใช้ในการประกอบพระราชพิธีต่างๆ เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพระราชวังต้องห้ามด้านในท้องพระโรงมีขนาดกว้างขวางมาก รวมถึงบัลลังก์มังกรของฮ่องเต้ที่ตั้งอยู่บริเวณตรงกลาง ซึ่งแสดงถึงความยิ่งใหญ่ได้เป็นอย่างดี
จบจากพระราชวังต้องห้าม เมื่อมาเยือนปักกิ่ง ต้องห้ามพลาดสัมผัสความยิ่งใหญ่อลังการ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ อย่าง “กำแพงเมืองจีน”
พระราชวังต้องห้ามสุดยิ่งใหญ่
ถือเป็นสิ่งก่อสร้างสุดยิ่งใหญ่ที่ผู้คนทั่วทุกมุมโลกต่างใฝ่ฝันที่จะได้มาเยือนสักครั้งในชีวิต เพื่อสัมผัสกำแพงหินที่ทอดยาวพาดผ่านหลากหลายสภาพภูมิอากาศ ทั้งทะเลทราย ทุ่งหญ้า ภูเขา จากฝั่งตะวันออกไปยังฝั่งตะวันตกของประเทศจีน ระยะทางยาวถึง 21,196 กิโลเมตร
กำแพงเมืองจีนก่อนตะวันลับฟ้า
หนึ่งในเส้นทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ “ด่านจีหยงกวน” ที่ขึ้นชื่อเรื่องความงามของทิวทัศน์กำแพงเมืองจีน ตั้งอยู่บนภูเขาสูงใหญ่สลับไปมา และมีป้อมปราการอายุนับร้อยปีที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม ความสูงชัน และยิ่งใหญ่ คือความท้าทายของคณะ ที่ต้องปีนป่ายกันขึ้นลง เรียกทั้งเสียงฮาและเสียงหอบตลอดเวลา
ถัดมาอีกวัน ต้องแพ็กกระเป๋าบินลัดฟ้ากว่า 2 ชั่วโมง จากปักกิ่งสู่เมืองหางโจว เมืองท่าสำคัญและมีความมั่งคั่งที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศจีน ที่เรียกว่าพัฒนากันไปเร็วมาก แต่ภายใต้การพัฒนายังคงกลับเก็บรักษามนต์เสน่ห์ไว้ได้อย่างลงตัว เป็นเมืองที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ และผู้คนที่มีชีวิตชีวากว่าปักกิ่งอย่างชัดเจน
การมาหางโจวครั้งนี้ มีโอกาสสัมผัสกับไฮไลต์ประจำเมืองอย่าง “ทะเลสาบซีหู” ได้ล่องเรือชมความงามของทะเลสาบแห่งนี้ ซึ่งในอดีตมีคำเปรียบเปรยถึงความสวยงามของเมืองหางโจวและซูโจวว่า “บนฟ้ามีสวรรค์ บนดินมี ซู(โจว) หาง(โจว)”
ใช้เวลาล่องเรือราว 1 ชั่วโมง ชมสถาปัตยกรรมที่กลมกลืนกับธรรมชาติ สลับกับฉากหลังที่เป็นเมืองใหญ่ และตึกสูงของหางโจว เรียกว่าประทับใจกันสุดๆ
ล่องเรือทะเลสาบซีหู
บรรยากาศระหว่างล่องทะเลสาบซีหู
วันถัดมาขึ้นรถไฟความเร็วสูง ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงไปมหานครขึ้นชื่ออย่าง “เซี่ยงไฮ้” เมืองที่เต็มไปด้วยแสงสี และมีความทันสมัยอย่างมาก เปิดหูเปิดตาได้ทุกรูปแบบ เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ครอบคลุมทุกความต้องการของนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเที่ยว กิน ดื่ม เรียกว่าครบ จบ ที่นี่
นั่งรถไฟความเร็วสูง
มาถึงเซี่ยงไฮ้ทั้งที ต้องชมความงามของมหานครแห่งนี้ จากมุมสายตาเหนือเมฆ ผ่านแลนด์มาร์กสำคัญคือ Shanghai Tower ตึกที่สูงที่สุดของเซี่ยงไฮ้ เมื่อขึ้นไปที่ชั้น 127 กับความสูง 632 เมตร จะได้พบกับทัศนียภาพเมืองเซี่ยงไฮ้แบบ 360 องศา
ชมเมืองกันพอหอมปากหอมคอ ก็ไปเยือน Starbucks Reserve Roastery ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น Starbucks สาขาใหญ่ในเซี่ยงไฮ้ “ใหญ่กว่าสาขาปกติถึง 300 เท่า!” ภายในยังมีบาร์จิบกาแฟที่ยาวที่สุดในโลกอีกด้วย ยาวถึง 88 ฟุต
ลิ้มรสกาแฟที่สตาร์บัคสาขาขึ้นชื่อ
อีกทั้งลูกค้ายังสามารถชมการคั่วกาแฟสดๆ สัมผัสบรรยากาศของกาแฟเต็มรูปแบบและเครื่องดื่มต่างๆ กว่า 100 เมนู รวมทั้งเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ที่มีเฉพาะสาขานี้แห่งเดียวเท่านั้น
ต่อด้วยการไปเยือน “เดอะบันด์” หรือหาดไว่ทาน แม้จะมีชื่อว่าหาด แต่ไม่ใช่หาดที่เป็นชายทะเล กลับเป็นทางเดินเลียบแม่น้ำ บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนเก่าแก่สไตล์ยุโรป สมฉายา “ปารีสแห่งตะวันออก” บริเวณนี้ผู้คนพลุกพล่านมีชีวิตชีวากันสุดๆ เป็นอีกย่านเศรษฐกิจที่ นักช็อปไม่ควรพลาด
บรรยากาศที่เดอะบันด์
นอกจากนี้ ยังเป็นอีกจุดสำคัญที่สามารถรับชมความสวยงามของ “หอคอยไข่มุก” ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม สถานที่แห่งนี้จึงเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวัน หรือกลางคืน เพราะความสวยงามมีเสมอในมิติที่แตกต่างกันออกไป
ตะลุยเดอะบันด์ ชมหอคอยไข่มุก
ปิดท้ายที่ “เฉิงหวังเมี่ยว” หรือตลาดร้อยปี ตลาดเก่าของผู่ตง เมืองเซี่ยงไฮ้ อาคารบ้านเรือนที่ถูกรังสรรค์ให้เป็นสถาปัตยกรรมโบราณสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง เก่ากว่าร้อยปี ที่ยังคงความงดงาม มีทั้งร้านขายอาหาร ร้านขนมพื้นเมือง และเป็นต้นกำเนิดของ “เสี่ยวหลงเปา” อันขึ้นชื่อ
เฉิงหวังเมี่ยว ตลาดเก่าของผู่ตง
เป็นการเปิดประสบการณ์ ‘ปักกิ่ง-หางโจว-เซี่ยงไฮ้’ ที่ตระการตาแบบสุดๆ
พรเทพ อินพรหม
