แม่ติดใจ แฟนเก่าลูกชายลวงขึ้นบ้านให้ผัวยิงพรุน สาวโต้ลั่น ไม่ใช่นกต่อ!

จากกรณี หนุ่มแฟนเก่าหึงไม่ยอมจบ บุกอาละวาดถึงบ้านสาว เจอแฟนยิงสวนดับคาที่ ซึ่งเกิดเหตุภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านโชคชัย 4 ชอย 50 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กทม. ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุดพบว่า มารดาของนายแบงค์ ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ออกมาเปิดเผยผ่านรายการทุบโต๊ะข่าว โดย นางจารี ศรีต้า แม่ของแบงค์ ผู้เสียชีวิต เล่าว่า แบงค์เคยมีคดีเก่า ที่เคยติดคุกในคดีครอบครองยาเสพติดเมื่อปีที่แล้ว และมีประวัติเรื่องการเสพยา มาประมาณ 3-4 ปี ซึ่งเป็นการออกรับแทน น.ส.แอล รอดคดี ทั้งที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย แต่แบงค์ต้องถูกคุมขังคนเดียว

นางจารี กล่าวว่า ปมการเสียชีวิตของแบงค์ ตอนนี้ยังติดใจว่าแอล คือคนที่ลวงไปฆ่าหรือไม่ เพราะลูกชายเข้าไปหาแอล หลังออกจากห้องของเพื่อน ตอนช่วง 04.30 น. และมาเสียชีวิตตอน 05.00 น. หลังจากที่เข้าไปหาแอลที่บ้านหลังเกิดเหตุ เพียงแค่ 10 นาที นายหนุ่ม อดีตสามีของแอล ก็ตามมายิงลูกชายตนถึงที่บ้าน ทั้งนี้ คืนวันที่แบงค์เสียชีวิต เพื่อนของแบงค์ที่อยู่ด้วยกันที่ห้องเป็นคนสุดท้าย บอกว่า แบงค์กับแอลยังโทรศัพท์คุยกันอยู่ และสามารถเป็นพยานให้ได้ว่าทั้งคู่คุยกันจริง

อย่างไรก็ตาม วันที่เกิดเหตุ ที่ตนไปเจอแอล ที่ สน.โชคชัย ตนยังถามแอลอยู่ว่า “หนูโทรไปเรียกหนุ่มมาทำไม ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่า ถ้าหนุ่มมาจะต้องมีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้น” ซึ่งแอลบอกว่า “หนูกลัวแบงค์” หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก นอกจากนี้ ตนตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมแอลถึงไม่โทรบอกว่าแบงค์ถูกหนุ่มยิงเสียชีวิต ทั้งที่แอลก็มีเบอร์โทรศัพท์ของตน และก่อนหน้านี้ก็คุยกันดีมาตลอด แต่ตนทราบข่าวจากคนอื่นตอน 12.00 น.

ทั้งนี้ ผลชันสูตรจากทางตำรวจ ระบุว่า แบงค์ถูกกระสุนทำลายสมอง หัวใจ และปอด ซึ่งจากร่องรอยของกระสุนที่ฝังอยู่ในตัวลูกชายเท่าที่เห็น มีอยู่ 6 จุด คือ หน้าอก 2 นัด ทั้งซ้ายและขวา ใต้รักแร้ 2 นัด ขมับซ้าย 1 นัด และแขนซ้าย 1 นัด ซึ่งตนได้บอกนายหนุ่มว่า “นี่หรอ คือวิธีการป้องกันตัว ในเมื่อตอนนั้น แบงค์ไม่มีปืนหรืออาวุธอะไร ทำไมต้องยิงขนาดนี้ หากเป็นการยิงป้องกันตัว เลือกยิงที่ขา หรือแขน เพื่อไม่ให้เดินเข้ามาหาก็ได้ แล้วค่อยแจ้งตำรวจ แต่นี่คือการเจตนาฆ่าให้ตาย โดยเฉพาะการยิงหัว ต้องเป็นการจ่อยิง เพราะสมองไหลออกมา”

น.ส.แอล เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุ ก็กลับมาอยู่ที่บ้านของนายหนุ่ม อดีตสามี โดยยอมรับว่า ในวันเกิดเหตุ ทราบว่าคนที่พยายามจะเข้ามาที่บ้านคือนายแบงค์ เพราะจำเสียงที่ตะโกนเรียกได้ พร้อมยืนยันว่า ตอนที่โทรไปหาอดีตสามี เป็นเพียงแค่การกดโทรศัพท์โทรออก แต่ไม่ได้คุย และไม่ได้พูดอะไร เพราะเป็นช่วงที่กำลังต้านการดันประตูห้องนอนกับนายแบงค์ ที่พยายามจะเข้ามาในห้อง โดยที่อดีตสามีได้ยินเพียงเสียงที่ตนกำลังพูดกับแบงค์ว่าอย่าพังประตูเข้ามา โดยที่ไม่ได้เอ่ยชื่อใคร และปกติที่แบงค์มาที่บ้าน ก็ไม่เคยบุกเข้ามาแบบนี้

น.ส.แอล ยอมรับว่า ตอนที่นายหนุ่มเข้ามาที่บ้าน ไม่ทราบว่าเป็นตอนไหน และไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงของหนุ่มที่พยายามตะโกนเรียกแบงค์ โดยมาทราบภายหลังก่อนที่จะมีเสียงปืนดังขึ้น เพราะได้ยินเสียงนายหนุ่มตะโกนว่า “ใครอยู่ในห้องน้ำ ออกมา” หลังจากนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้น ประมาณ 4-5 นัด วินาทีนั้น ตนกลัวจนแทบไม่มีสติ คิดเพียงว่าต้องดันประตูไว้ไม่ให้แบงค์เข้ามา บวกกับความกลัวแบงค์เป็นทุนเดิม เนื่องจากช่วงที่อยู่ด้วยกันเคยมีการทะเลาะจนถึงขั้นตบตี จากนั้น เสียงปืนเงียบลง พี่หนุ่มจึงไขกุญแจเข้ามาในห้องนอนของตน

ทั้งนี้ น.ส.แอล ตอบข้อสงสัยที่ครอบครัวของแบงค์ตั้งข้อสงสัยว่าตัวเองคือนกต่อที่ลวงแบงค์ไปให้อดีตสามีฆ่าว่า เป็นการเข้าใจผิด และตอนนี้ตนต้องการที่จะจบความสัมพันธ์ที่ผิดศีลธรรมของตัวเองกับทั้ง 2 คน เพราะรู้สึกผิด จากการที่แบงค์พยายามเข้ามา ทำให้ชีวิตครอบครัวแตกแยก ซึ่งนิสัยของแบงค์เป็นคนที่ถ้ารักใครก็อยากจะครอบครอง และหึงแรง แต่ด้วยอารมณ์ตอนนั้นที่รักแบงค์ไปแล้ว จึงตัดสินใจเลิกกับพี่หนุ่ม ไปอยู่กับแบงค์ แต่ตอนนี้อยากแยกกันอยู่กับแบงค์ และกลับมาอยู่กับลูก โดยทำความเข้าใจกับแบงค์หมดแล้ว แต่แบงค์บอกกับคนสนิทว่ายังตัดใจจากตนไม่ได้

นอกจากนี้ น.ส.แอลยืนยันกรณีเรื่องยาเสพติดว่า ตนไม่เคยเสพยา แต่ตอนที่มาอยู่กินกับแบงค์ ทราบว่าแบงค์ก็ขายยาด้วย และยืนยันว่าไม่เคยถูกจับกุมในคดีครอบครองยาเสพติด

น.ส.แอล ยอมรับว่ารู้สึกผิด เสียใจ และไม่เคยคิดที่จะล่อใครมาถูกฆ่า ตนรักแบงค์ด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่อยู่ด้วยกันไม่ได้ และอยากขอโทษครอบครัวของแบงค์ แต่ยังไม่มีโอกาสที่จะอธิบาย พร้อมยืนยันว่าจะมาลาแบงค์เป็นครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอน แต่ยังไม่ได้กำหนดวัน ซึ่งตอนนี้ยังรู้สึกช็อกกับเหตุการณ์ที่เปิดประตูห้องออกมาจากห้อง แล้วเจอศพของแบงค์นอนอยู่

นายหนุ่มในวันเกิดเหตุ

นายหนุ่ม ผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ที่ทำไปเพราะป้องกันตัว และบังเอิญว่ายิงไปหลายนัด เพราะถูกแบงค์วิ่งเข้ามาประชิด โดยเมื่อวานนี้ตนได้โทรศัพท์ไปหาครอบครัวของผู้เสียชีวิตแล้ว และวานให้ลูกน้องเก่าที่เป็นคนกลาง นำเงินช่วยเหลือค่าทำศพไปให้ 10,000 บาท และเจรจากับครอบครัวว่า ตนก็ยินดีช่วยเหลือ ส่วนตัวยังไม่กล้าไปร่วมงานศพ เพราะไม่รู้ว่าภายในงานศพจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เนื่องจากไม่ใช่คนในพื้นที่ หากทางครอบครัวยินดี ตนก็พร้อมที่จะเข้าไปขอขมาศพด้วย

ส่วนประเด็นที่ครอบครัวของแบงค์ยังติดใจว่า หากเป็นการยิงเพื่อป้องกันตัว แล้วทำไมกระสุนแต่ละนัด ถึงไปถูกจุดสำคัญในร่างกาย ตนขออธิบายว่า ตอนที่แบงค์วิ่งเข้ามาหาเป็นระยะที่ใกล้มาก ตนจึงยิงออกไปโดยไม่รู้ว่ากระสุนไปถูกจุดใดบ้าง แต่ยืนยันว่าไม่มีการยิงหัวแน่นนอน และพยายามยิงกดให้ต่ำที่สุด เพราะรู้ข้อกฎหมายดีว่ายิงมากไม่ได้

นายหนุ่ม กล่าวต่อว่า ปมที่ครอบครัวยังรู้สึกว่าแอลคือนกต่อ ที่ล่อแบงค์มาให้ตนลงมือฆ่า เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา ตนไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้ แต่สาเหตุมาจากการที่แบงค์พยายามบุกเข้ามาที่บ้าน ส่วนประเด็นเรื่องยาเสพติด ตนยอมรับว่า แอลเคยติดยาจริง และถูกจับส่งไปบำบัดตั้งแต่ปีที่แล้ว

นอกจากนี้ ปืนที่ใช้ก่อเหตุ เป็นปืนกล็อก มีทะเบียนและถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งซื้อไว้เพื่อป้องกันตัวและทรัพย์สิน เนื่องจากอุปกรณ์ในการทำธุรกิจส่วนตัวของตนแต่ละชิ้นราคาค่อนข้างสูง และไม่ได้ซื้อไว้ยิงใคร โดยยอมรับว่าคืนวันเกิดเหตุมืดมาก จึงไม่รู้ว่าคู่กรณีมีอาวุธมาด้วยหรือไม่ จึงต้องทำเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน