รุมหลอก
หลอน
นทธี ศศิวิมล

เคยเจอแก๊งต้มตุ๋นรุมหลอกทึ้งกันเป็นขบวนการไหมครับ เรื่องมันเป็นอย่างนี้

พูดไปคุณเคยเจอผีฝรั่งหลอกไหม ถ้าเคยเจอ หลายคนคิดว่าเจอผีฝรั่งต้องเจอแถวพัทยา ภูเก็ต หัวหิน ต้องเจอแถวๆ ที่มีนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกเยอะๆ แต่ไม่ใช่หรอก ผมเจอที่บุรีรัมย์

ตอนนั้นมีนิทรรศการแสงสีเสียงที่ปราสาทหินพิมาย เดือนพฤศจิกายน ปี พ.ศ.2556 ก่อนหน้านี้ผมยังเพลิดเพลินกับตลาดย้อนยุค ไปดูประกวดแมวโคราช ชิมอาหารชื่อดังของจังหวัดอยู่เลย คนเยอะมากเลยครับ แต่ชาวต่างชาติไม่ค่อยมี ผมจึงแปลกใจที่เจอฝรั่งคนหนึ่งซึ่งทราบต่อมาว่าชื่อดีน ชื่อเต็มๆ ของเขาคือ มิสเตอร์ อัลเฟรด ดีน เป็นฝรั่งแคนาดา เคยมาเมืองไทยสองสามครั้ง ครั้งนี้อยู่นานที่สุดเกือบสองเดือนแล้ว มันบอกผมอย่างนั้น

เจอกันครั้งแรกผมกำลังนั่งดูการแสดงแสงสีเสียงอยู่ ไอ้ดีนก็นั่งอยู่ติดกันกับผม ตอนนั้นการแสดงกำลังเล่าผ่านท่าร่ายรำ ดูไปมันก็หันมาถามผม บอกว่าไม่เข้าใจ ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน พยายามอธิบายไป ฝรั่งส่ายหัว ภาษาไทยผมไม่แข็งแรงอย่างยิ่ง จู่ๆ มันก็ชวนผมไปหาเบียร์ดื่ม เอ้า! ไปก็ไป

ที่ร้านกลางเมือง เราซัดเบียร์เข้าปากกันไปสิบกว่าขวด ทุกอย่างไหลรื่นมาก ผมฟุดฟิดฟอไฟงูๆ ปลาๆ ฝรั่งมันก็ใช้มือไม้ยกทำท่าประกอบไปด้วย เขียนรูป เขียนคำ คุยอย่างบ้าบอคอแตก ผ่านไปหลายชั่วโมง จนผมเมาฟุบคาโต๊ะที่ร้านค้าในเมือง

ผมมารู้สึกตัวตื่น ในห้องพักของโรงแรมเก่าๆ แห่งหนึ่ง เวรแล้วซี่ ผมแก้ผ้าด้วย!

ไอ้ฝรั่งระยำมันทำอะไรผมหรือเปล่านี่ คุยมาตลอดไม่รู้เลยว่ามันเป็นโฮโมเซ็กช่วล!!

ผมมองไปบนเตียงมันกำลังหลับ ผมเขย่าตัวมันสองสามทีกะปลุกมาคุยให้รู้เรื่อง แต่แล้วผมกลับตกตะลึงมากกว่า มันไม่ตื่น ผมใช้นิ้วอังไปที่จมูกปรากฏว่ามันไม่มีลมหายใจ มันนอนตัวแข็งทื่อ!!!

ตกใจมาก บอกตามตรงว่ากลัวด้วย ผมพยายามรวบรวมสติให้ได้มากที่สุด แล้วก็ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย มองรอบๆ ห้องอย่าให้มี ข้าวของของผมหล่นไว้แม้แต่ชิ้นเดียว แล้วผมก็ออกมา

แต่ให้ตายสิ ด้านล่างดันมีตำรวจสองนายอยู่ตรงล็อบบี้ ผมหยุดกึก พยายามทำตัวให้ปกติ เดินผ่านตำรวจไปให้ได้ ผมบอกตัวเอง เดินตัวลีบๆ พยายามหายใจช้าๆ ไม่คิดอะไร ทำเหมือนเดินผ่านบริเวณนั้นไปธรรมดา แต่คนมันมีอะไรอยู่ในใจที่สัมพันธ์กับตำรวจ ผมรู้สึกตัวเองสั่นไปหมด มันคงสั่นจนตำรวจรู้สึกหรือสังเกตเห็น

“นี่ คุณ หยุดก่อน” ตำรวจเรียก

ผมหยุดกึกทันที

“จะไปไหน”

“ไปไหน” ผมทวนคำถามตำรวจแบบไม่รู้ตัว “เอ่อ คือ คือ ไปข้างนอกครับ” ผมบอกไป อย่างนั้น

“ข้างบนมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า” ตำรวจถาม “มีคนแจ้งว่าชั้นบนมีฝรั่งส่งเสียงดัง”

ตำรวจอีกนายที่มาด้วยพูดขึ้น “ก็ขึ้นไปดูสิ ถามแขกอยู่ได้”

“ขี้เกียจขึ้น” ตำรวจอีกนายตอบ “เดี๋ยวเหมือนเดิมอีก ฝรั่งเมา แถวนี้มีฝรั่งทีไรเมาทุกที”

ผมกำลังจะหาทางเดินออกมา ตำรวจอีกคนดึงผมกลับมา “ว่าไง”

“ไม่มีอะไรครับคุณตำรวจ ปกติดี”

“เห็นมะ” ตำรวจนายนั้นหันไปทางเพื่อน

จู่ๆ บ๋อยก็แทรกขึ้น “คงเรื่องผีฝรั่งมั้งครับจ่า”

ผมหันขวับทันที

“ผีอะไร” ตำรวจนายแรกเอ่ยขึ้น

“ก็ผีฝรั่งที่ชอบทำเสียงดังรบกวนแขก แต่ไม่มีอะไรครับ มันก็แค่กรอกๆ แกรกๆ เกาผนัง เดี๋ยวก็เงียบไปเอง”

“ทำบุญซะ บอกเถ้าแก่ทำบุญให้จบๆ ไป”

ผมมองสภาพโรงแรมเล็กๆ สองชั้นที่ใช้ตึกแถวทำมาหากินแล้วก็สะท้านใจ ตึกดูเก่ามาก สี่ห้าสิบปีก็ยังใช้งานอยู่ โรงแรมแบบนี้สมัยนี้หายากแล้ว

“ผีตัวนี้บางทีก็พาคนไทยมานอนด้วย หลอกพาขึ้นห้อง ว่ากันว่าเป็นผีที่ชอบผู้ชายด้วยกัน”

ผมงี้หูผึ่งเลย!

“ว่าไป” ตำรวจบอกให้บ๋อยพูดต่อ

“บางคนก็ตกใจตื่นแล้วค่อยๆ ย่องลงมา คิดว่าถูกฝรั่งหลอกตุ๋ย ที่จริงไม่หลอก ผี มันเป็นผีแต่แรกแล้ว จะไปตุ๋ยได้ไง”

ผมยืนตกใจขาแข็ง นี่มันเรื่องของผมเลย นี่นา!!

ทันใดนั้นเองทั้งบ๋อยและตำรวจทั้งสองนายก็หันมาทางผม แล้วหัวเราะเสียงดังใส่ผม ผมทั้งตกใจทั้งกลัวรีบวิ่งออกจากโรงแรมแห่งนั้น

เมื่อออกมาด้านนอก รอบตัวกลับเป็นป่าหญ้ามืดๆ เงียบๆ ไม่มีตึกไม่มีแสงสี ไม่มีเสียงไม่มีผู้คนอยู่เลย ผมยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ วิ่งโกยอ้าวออกจากที่นั่นอย่างไม่คิดชีวิต วิ่งจนเหนื่อยหมดสติล้มลงไปตอนไหนก็ไม่รู้

ตื่นมาอีกครั้งก็มีคนล้อมรอบเต็มไปหมด เมื่อผมเล่าให้ฟัง หนึ่งในนั้นก็พูดสั้นๆ ว่า “ถูกผีหลอกอีกแล้ว ผีโรงแรม ผีฝรั่ง ผีตำรวจรุมหลอก ผมเคยเจอหลายคนเป็นแบบคุณนี่แหละ”

การถูกหลอกกันเป็นขบวนการ เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละครับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน