ภูมิใจไทยเดินหน้า มนัญญา ยึดมติ 23 พ.ค.61 จำกัดใช้ 3 สาร จ่อเสนอครม.ของบ 400 ล้าน

จำกัดใช้ 3 สาร / เมื่อวันที่ 4 มี.ค. น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า เตรียมเสนอครม.ของบประมาณจำนวน 400 ล้านบาท เพื่อให้สหกรณ์การเกษตรกว่า 200 แห่งจัดหาบริการสมาชิกภายใต้การแนะนำของสำนักเครื่องจักรกลกรมวิชาการเกษตร และยังได้ติดตามวาระการประชุมของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่จะพิจารณาเรื่องมาตรฐานไอเอสโอ 3 ฉบับที่กระทรวงเกษตรฯเสนอ เพื่อจะให้บริษัทผู้นำเข้า ผู้ผลิตสารเคมี ตลอดจนร้านจำหน่าย จะต้องปฏิบัติเพื่อเป็นการคุ้มครองเกษตรกร ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม

ซึ่งเมื่อเรื่องนี้ผ่านก็คิดว่าทุกบริษัทพร้อมดำเนินการเพราะทำมาค้าขายกันมาเป็นร้อยปี ควรที่จะลงทุนเพิ่มเพื่อเกษตรกรและประชาชน โดยให้นายสุกรรจ์ สังข์วรรณะ เลขาธิการสมาพันธ์เกษตรปลอดภัย พร้อมแกนนำเครือข่ายเข้าพบ และในการหารือตนได้ยืนยันมาตรการที่กำลังดำเนินการคือยึดมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย 23 พ.ค 2561 ที่ให้จำกัดการใช้ 3 สารคือพาราควอต ครอล์ไพริฟอส และไกลโฟเซต และประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 5 ฉบับ เพื่อให้มีการดำเนินการสู่มาตรการจำกัดการใช้ ทราบว่าหลายมาตรการยังไม่มีความคืบหน้า

“ขณะนี้ได้เสนอเรื่องการของบ 400 ล้าน เพื่อทำโครงการนำร่องให้สหกรณ์ใช้เครื่องจักรกลการเกษตรลดการใช้ปุ๋ยแล้ว เรื่องอยู่ที่สำนักงบประมาณ เพราะนโยบายไม่ได้มองเฉพาะ 3 สารเคมีที่พูดกัน แต่ดิฉันมองภาพรวมการลดการใช้สารเคมีทั้งหมด และมองถึงระบบการผลิตสารเคมีเกษตรที่ต้องมีมาตรฐานการผลิตที่ดี ดังนั้นเรื่องการแบนตามมติกรรมการวัตถุอันตรายก็จะเป็นโอกาสต่อไป ระหว่างนี้จึงต้องเร่งเรื่องประกาศไอเอสโอ เพราะจะเป็นการกำหนดให้บริษัทเหล่านั้นต้องปฏิบัติและเจ้าหน้าที่จะสามารถตรวจสอบได้ จะไม่มีเรื่องใต้ดินอีกต่อไป อีกทั้งปัจจุบันหากใครลองให้เกษตรกรไปซื้อสารเคมีที่จำกัดการใช้ และไม่มีเอกสารใบเขียว ก็เชื่อว่าจะมีการขายให้ ซึ่งไม่อยากให้มีภาพอย่างนี้เกิดขึ้น “ รมช.เกษตรฯกล่าว

น.ส.มนัญญา กล่าวว่า สำหรับประกาศกำหนดให้เกษตรกรผู้ใช้ลงทะเบียนเพื่ออบรมและระบุชนิดพืชและสารที่ต้องการใช้ พบว่ามีเกษตรกรลงทะเบียน 6 แสนราย แต่มาอบรมประมาณ 3 แสนราย ซึ่งกลุ่มนี้จะมีหนังสือรับรองหรือใบเขียวสำหรับไปสำแดงเพื่อซื้อสารเคมีเกษตรที่จำกัดการใช้ ซึ่งในการหารือนายสุกรรจ์ระบุว่ามีเกษตรกรประมาณ 1.7 ล้านราย ในพืชยางพารา ปาล์มน้ำมัน อ้อย และมันสำปะหลัง จากที่ลงทะเบียนตามประกาศเพียง 6 แสนราย ควรจะอบรมทั้งหมด

เรื่องนี้จะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร และการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) มาหาทางออกรวมกัน หากไม่เร่งดำเนินการเปิดฤดูทำการเกษตรจะวุ่นวาย ขณะที่ร้านค้าสารเคมีเองก็ต้องมีการขึ้นทะเบียน การแยกประเภทสารเคมี การทำป้ายสินค้าใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามประกาศกะทรวง ที่ผ่านมาพบว่ายังไม่เรียบร้อย จึงมอบให้กรมวิชาการเกษตรลงไปเข้มงวดกับร้านจำหน่ายสารเคมีปลอม เพราะมีหนังสือร้องเข้ามามากโดยเฉพาะที่นครปฐมได้ให้กรมวิชาการไปตรวจสอบ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน