โรคประหลาด

หลอน
นทธี ศศิวิมล

ภพทัวร์มาหลายโรงพยาบาล เริ่มแรกก็หมอผิวหนัง หลังจากนั้นก็หมอศัลยกรรม หมออายุรกรรม และล่าสุดภพย้ายมาหาหมอระบบประสาท ไม่มีหมอคนไหนเลยที่สามารถบอกได้แน่นอนว่าสิ่งที่ภพเป็นคืออาการของโรคอะไร หรือแม้แต่อาจมีสาเหตุจากอะไรได้บ้าง

อาการที่ภพเป็นช่างแสนประหลาด ไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน คือใต้ผิวหนังมีลักษณะปูดเกร็งเป็นที่ๆ อย่างไม่แน่นอน สุ่มเกิดขึ้นไปทั่วร่างกาย ปูดขึ้นมาขนาดประมาณเท่าลูกมะนาว และมีเส้นเลือดปูดโปนสีเขียวอมม่วงครอบคลุมก้อนประหลาดนั้น มีการเต้นเป็นจังหวะตามหัวใจเต้น ตุบๆ ราวกับว่าก้อนปูดโปนที่ว่านั้นมีชีวิตเป็นของตัวเอง

ครั้งแรกที่เกิดนั้นภพแทบไม่รู้ตัว เพียงรู้สึกว่าเหมือนนอนทับตัวอะไรบางอย่างที่เต้นตุบๆ อยู่กลางหลัง ยังสะดุ้งลุกขึ้นมานั่งหาอยู่เป็นนานกว่าจะเจอว่าไอ้ก้อนที่ว่านั้นมันเกาะติดแน่นอยู่กลางหลัง ภรรยารีบพาไปพบแพทย์ แต่แพทย์ก็บอกอะไรไม่ได้ ก้อนปูดโปนก้อนแรกปรากฏอย่างนั้นและค่อยๆ ยุบลงไปเองเมื่อครบ 24 ชั่วโมง ท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคน ภพกลับไปบ้านอย่างงุนงง แต่ก็ต้องยิ่งงงหนักเข้าไปอีกเมื่อย่างเข้าวันต่อมา

ก้อนเนื้อประหลาดก้อนที่สองปรากฏขึ้นที่ต้นขาด้านซ้าย ภรรยาตื่นมาเห็นก่อนในตอนเช้า เธอแทบจะหยุดเสียงหวีดร้องของตัวเองไม่ทัน ก้อนปูดนั้นดูใหญ่ขึ้นอีกนิดและดูน่าสยดสยองมากขึ้นกว่าเดิม เหมือนมีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ อยู่ในตาข่ายเส้นเลือด คราวนี้โรงพยาบาลจับภพไปเอกซเรย์ อัลตราซาวด์สแกนต่างๆ ตั้งแต่เช้าจรดเย็น แต่บอกอะไรไม่ได้มากกว่าก้อนเนื้อนั้นเป็นเพียงกล้ามเนื้อเปล่าๆ หุ้มด้วยเส้นเลือดของภพเองที่เกิดมาได้อย่างไรก็สุดวิสัยที่หมอจะคิด และยังว่าหากก้อนนั้นไม่มีผลอะไรกับการดำเนินชีวิตของภพก็คงไม่น่าเป็นห่วงอะไร หรือจะให้หมอตัดทิ้งให้เพื่อความสบายใจก็ย่อมได้

ภพตัดสินใจไม่ตัดทิ้ง เขารู้สึกว่าก้อนเนื้อที่ขานี้จะเหมือนก้อนเนื้อที่เคยเกิดขึ้นที่หลังคือจะหายไปเอง แล้วก็คิดถูกเมื่อเช้าวันรุ่งขึ้นมันก็ค่อยๆ ยุบหายไปต่อหน้าต่อตาเช่นเคย

ภรรยาของภพดูสบายใจขึ้นแต่ก็ไม่ได้โล่งใจเสียทีเดียว เธอว่าไปทำบุญทำทานให้สบายใจกันดีไหม อะไรที่เกิดขึ้นแบบหาเหตุผลแน่นอนไม่ได้แบบนี้บางทีอาจจะเป็นโรคที่เกี่ยวกับเรื่องของเวรกรรมก็ได้ เธอว่าพลางเล่าเรื่องของเจ้ากรรมนายเวรที่ตามมาทวงคืนเอากับคนที่เคยทำกรรมต่อกันไว้ เรื่องพวกนี้ทำให้ภพยิ่งหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมากกว่านั้น

เช้าวันต่อมาภรรยาของภพกรี๊ดลั่นบ้าน เมื่อตื่นมาเห็นก้อนเนื้อประหลาดแต่ใหญ่ขึ้นอีกและ น่าสยดสยองขึ้นกว่าเดิมอีก เพราะหน้าตามันเหมือนกบปีศาจพิกลพิการที่ไม่มีหนัง ปรากฏขึ้นที่ต้นคอข้างหนึ่งของภพ วันนั้นทั้งวันเธอขับรถพาสามีหาหมอหลายโรงพยาบาลและหลายระบบ แต่ไม่มีหมอแม้สักคนตอบได้ว่าก้อนที่ว่าคืออะไร ทำให้ยิ่งแทบจะบ้าด้วยความกลัว ในขณะที่ภพรู้สึกสังหรณ์ว่ามีเรื่องไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้น

เช้าวันนั้นก้อนเนื้อที่คอหายไปเช่นเคย แต่ภพและภรรยารู้ดีว่ามันจะกลับมาอีกในเช้าวันพรุ่งนี้ แม้ไม่รู้ว่าจะกลับมาอยู่ตรงไหน แต่แน่ใจว่าจะยิ่งร้ายแรงกว่าเดิม วันนั้นทั้งวันภรรยาเปลี่ยนจากตระเวนหาหมอเป็นตระเวนหาพระตามวัดต่างๆ หาเครื่องรางของขลังที่คิดว่าจะช่วยได้ และทำบุญทุกอย่างเท่าที่นึกออก

คืนนั้นภพฝันถึงเรื่องราวที่ลืมเลือนไปนานแล้ว ในวัยเด็กเขาและเพื่อนมีการเล่นที่นิยมกันอย่างหนึ่ง คือการจับกบ เขียด อึ่งอ่าง มากระทำทารุณต่างๆ ผูกขาบ้าง ถลกหนังบ้าง เอาไม้จิ้มตาบ้าง บางตัวก็ถูกผูกไว้กับว่าวตัวใหญ่ให้ลอยไปสูงๆ

เช้าวันต่อมาภรรยาของภพก็ต้องหวีดร้องสุดเสียง เมื่อเห็นก้อนเนื้อสยองปรากฏที่เปลือกตาของภพบวมจนปิดดวงตาซ้ายไว้ทั้งหมด เธอร้องไห้โฮ ยกมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้ช่วย แต่ภพบอกเธอว่าอะไรก็ไม่น่าจะช่วยเขาได้ และเล่าเรื่องราวในวัยเด็กให้เธอฟัง

คืนนั้นภพนอนร้องโอดโอยด้วยความทรมาน เจ็บปวดเหมือนมีใครมาควักดวงตาออก เขาตื่นมาตอนเช้าก้อนเนื้อหายไปแล้วแต่ตาซ้ายมืดบอดสนิท ภพรู้ดีว่ามันจะมองไม่เห็นอีกต่อไป

ภพร้องไห้นั่งสวดมนต์แผ่เมตตาและขออโหสิกรรมต่อสัตว์ทั้งหลายที่เขาเคยทรมาน คืนนั้นทั้งคู่นอนร้องไห้ด้วยความกลัว ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรได้มากกว่านั้น

ในที่สุดเมื่อยามเช้ามาถึงทั้งสองแทบไม่ได้นอน แต่ก็โล่งใจ เมื่อไม่พบก้อนเนื้อประหลาด แต่กระนั้นภพก็ยังไม่โล่งใจเสียทีเดียวเมื่อนึกถึงบาปครั้งหนึ่งที่หนักหนาจนเขาลืมไม่ลง เขาเคยเอาประทัดยักษ์ใส่ปากกบตัวหนึ่งแล้วจุดให้ระเบิด นึกแล้วก็ใจสั่น

“โชคดีแล้วนะคะภพ เจ้ากรรมนายเวรคงอภัยให้คุณแล้ว วันนี้ไม่มีก้อนที่ไหนแล้ว” หญิงสาวร้องไห้อย่างโล่งใจ

ภพหันไปมองหน้าภรรยาก่อนเริ่มรู้สึกประหลาดในลำคอและตอบไปด้วยเสียงคล้ายกบที่ถูกทรมาน เสียงนั้นก้องกังวานไปไกลทีเดียว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน