เมื่อเดือนที่ผ่านมา ผมไปอยู่กะป้าช่วยดูแลสวนกล้วยที่ปลูกไว้ขาย ด้วยเนื้อที่กว่าสองไร่และคนชอบคิดว่ากล้วยดูแลง่าย ซึ่งก็จริงแต่ไม่ทั้งหมด กล้วยเจริญเติบโตได้ดีในบ้านเรา ลงหน่อกล้วยไปแล้วก็ปล่อยให้มันโตไปเองอย่างที่ชาวบ้านทั่วไปปลูกทิ้งไว้ต้น สองต้นนั้นไม่ได้หรอก เพราะถ้าจะยึดเป็นอาชีพก็ต้องทำอย่างมืออาชีพ นี่ป้าผมบอกไว้ หน้าที่ของผมก็เลยต้องดูแลเรื่องความชุ่มชื้นให้ต้นกล้วย คอยกำจัดวัชพืช อย่างแรกไม่เท่าไหร่ เนื่องจากกล้วยต้องการน้ำมาก ไม่เพียงต้องทำให้หน้าดินมีความชุ่มชื้น ใต้ดินก็ต้องให้มีการกักเก็บน้ำไว้ด้วย วิธีของชาวสวนกล้วยที่ทำกันมานานก็คือ ใช้ใบกล้วยที่แห้งแล้วลอกมาสุมๆ ไว้เป็นการคลุมหน้าดินและรักษาความชื้นที่ง่ายและดีวิธีหนึ่ง ส่วนเรื่องการกำจัดวัชพืชนี่เหนื่อยหน่อยเพราะป้าสั่งไว้ว่าห้ามพรวนดิน ให้ใช้การถอนแทน เพราะกล้วยเป็นพืชที่มีรากตื้น มันจะใช้วิธีกระจายรากหากินรอบๆ ผิวดิน ไปพรวนดินรากมันจะขาด ผมเลยต้องก้มๆ เงยๆ คอยหาวัชพืช คิดดูสิ สองไร่ไม่ใช่เล็กๆ

ปีนี้แล้งมาก คลองใกล้บ้านที่ป้าอาศัยน้ำในการปลูกกล้วยมาหลายปีก็แห้งขอด กล้วยเริ่มขาดน้ำ ผมต้องโทร.ติดต่อหารถน้ำเอกชน กว่าจะได้ราคาที่ป้ากำหนดไว้ไม่เกินสี่พันเล่นเอาเหนื่อย รถเล็ก 6 คิวรวมค่าส่งแล้ว 4,000 บาทพอดี แต่แปลกมาส่งได้ตอนตีสาม บอกว่าราคานี้ต้องส่งเวลานี้ เช้าจนเที่ยงมีไปส่งที่อื่นและอีกราคาที่สูงกว่า ผมต้องตกลงเพราะโทร.ไปกี่ที่ๆ ราคาห้าพันบาทขึ้นไปทั้งนั้น

ก่อน ถึงเวลาผมนั่งดูบอลพรีเมียร์ลีกรอ ทั้งโอ่งและแท็งก์น้ำมีไว้พร้อมอยู่แล้ว รถน้ำมาถึงก็โทร.หาผม แต่สวนกล้วยของเรารถน้ำเข้ามาไม่ถึง แต่ไม่เป็นไรแท็งก์กับโอ่งตั้งอยู่ทางเข้าอยู่แล้ว ตั้งแต่สมัยน้ำท่วมเมื่อปี”54 ผมต้องเดินออกไปราวสองร้อยเมตรไปคอยกำกับและจ่ายเงินค่าน้ำ

ตา ลุงก็ใจร้ายเหลือหลาย ยื่นสายท่อน้ำแล้วก็ไม่สนใจอะไร ผมต้องคอยหย่อนใส่โอ่งตัวเอง ทีละใบทีละแท็งก์ พอเสร็จลุงเก็บสายของแกเองรับเงินแล้วก็เผ่นไป ผมต้องเดินปิดฝาโอ่งเอง จนเรียบร้อยแล้วรีบเข้านอน สายๆ ต้องออกมารดน้ำอีก

ระหว่าง ทางถึงบ้านสองร้อยเมตร ต้องผ่านคลองที่แห้งขอดไปแล้ว มีบ้านหลังหนึ่งเป็นของตายายคู่หนึ่งอายุแปดเก้าสิบ ลูกหลานแกหายไปไหนไม่รู้ ป้าเคยบอกว่าตายายแกแปลกไม่ค่อยสุงสิงกับใครมาตั้งแต่หนุ่มสาว แกเป็นคนร่วมสมัยกับทวด ทวดผมตายไปหลายปีแล้วแต่ตายายคู่นี้ยังอยู่ สองคนตายายเคยเจ็บป่วยกว่าคนจะรู้ช่วยพาหาหมอก็หนักแล้ว เป็นแบบนี้หลายครั้งแกก็ยังไม่เปลี่ยน คนที่สงสารพอนึกได้ก็เวียนไปดูแก นึกว่าเอาบุญ

ใกล้บ้านตายายก็ได้ยินเสียงน้ำสาดๆ สวบๆ เหมือนคนกำลังอาบน้ำ หันไปดูก็เจอตาแกอาบน้ำ ตานี่เพี้ยนหนักแล้ว ตีสามยังมาอาบน้ำอีก ผมนึก แต่แกอาจจะร้อนของแกเลยลงมาอาบน้ำ แต่คลองมันมีน้ำหรือ พอสังเกตดูก็เห็นแกตักน้ำจากตุ่มใกล้ๆ ตีนท่า แถมจมูกผมได้กลิ่นเน่าโชยมาอีก แต่ไม่คิดจะสนใจ หันหลังเดินปั๊บพวกหมามันหอนขึ้นมาทันที ไม่ใช่ตัวเดียวเหมือนหอนรับกันจากท้ายมาหน้าสวน หอนวนไปวนมา ทำเอาสันหลังผมเย็น ว้าบๆ ขนลุกจนต้องรีบจ้ำ

ตอนปิดประตูหมา ก็ยังไม่หยุดหอน แม้แต่อีด่างหมาของป้าก็เอากะเขาด้วย หอนจนผมต้องตวาดให้มันหยุด แต่เหมือนมันยิ่งได้ใจ ชูคอแหงนหน้าทำปากวู้ๆ หอนอีกสามสี่รอบเหมือนแกล้งกัน ผมไม่รอช้ารีบเข้าห้องนอนซึ่งอยู่ชั้นล่างใกล้ท่าน้ำ

หลับ ได้สักพักก็ตื่นเพราะเสียงคนอาบน้ำที่ตีนท่าหน้าบ้าน แปลกแฮะ ป้าร้อนจนไปอาบกะเขาด้วยหรือนี่ ผมมาอยู่ร่วมเดือนไม่เคยเห็นป้าออกไปอาบเลย กำลังลุกออกไปดู นึกห่วงป้าแกเกิดเป็นอะไรไปใครจะช่วย ดึกๆ แบบนี้ พอเปิดประตูออกมาก็เจอป้าลงมาจากชั้นบน ป้าถามว่าจะไปไหน

“นั่นสิป้า ผมนึกว่าป้าอาบน้ำริมท่า”

“อาบอะไรตีสี่ตีห้าแบบนี้ แล้วตีนท่ามันมีน้ำที่ไหนกัน”

จริง แฮะ บริเวณนั้นไม่มีโอ่ง แล้วใครล่ะมาอาบน้ำดังซู่ๆ ได้ยินชัด เมื่อผมกับป้ามองไป ผมเห็นเป็นแผ่นหลังของตาแก่ๆ ผมไม่ทันจะพูดอะไร ป้าก็พูดขึ้น “ตาแหวงนี่หว่า เป็นห่าอะไรของมันถึงได้มาอาบน้ำที่หน้าบ้านกู เหมือนตอนมันยังหนุ่มเลย”

แล้วป้าก็หันมาเล่าว่า สมัยป้ายังเด็ก ตาแหวงที่เป็นหนุ่มแล้วตอนนั้นชอบทำอะไรพิเรนทร์ๆ บางทีดึกๆ ก็ลุกมาอาบน้ำอย่างนี้ เป็นคนชอบทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน

ทว่า ยามเช้าก็มาพร้อมกับข่าวตาแหวงตาย ศพขึ้นอืดตายในบ้านมาหลายวันแล้ว!! มิน่า ผมถึงได้กลิ่น ผมเล่าให้ป้าแกฟังเรื่องนี้และเรื่องแกอาบน้ำที่ตีนท่าบ้านแก ป้าตอบว่า “ท่าตาแหวงจะกลัวมึงไม่สนใจ เลยมาอาบโชว์มึงอีกรอบที่หน้าบ้าน ดูซิ แม้แต่ตายไปแล้วก็ยังพิเรนทร์ไม่เลิก”

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน