กรมอุทยานฯจับมือกรมราชทัณฑ์ ร่วมพัฒนาพื้นที่กรมราชทัณฑ์เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่า พร้อมให้โอกาสผู้ก้าวพลาด ฟื้นฟูจิตใจ ร่วมอนุรักษ์สัตว์ป่า

เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ พร้อมด้วยพ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงทางวิชาการและส่งเสริมความรู้ด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่า เพื่อพัฒนาผู้ก้าวพลาด

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

นายธัญญา กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมอุทยานฯ ยังคงประสบปัญหาเรื่องการบุกรุกป่า การล่าสัตว์ การเผาป่า ในเรื่องของการลักลอบค้าสัตว์ป่า กรมอุทยานฯ ได้แต่งตั้งชุดเฉพาะกิจเหยี่ยวดง ที่มาแก้ปัญหาการค้าสัตว์ป่าระหว่างประเทศและในประเทศ ซึ่งได้รับคำชื่นชม

แต่อย่างไรก็ตามในมุมมองของต่างชาติก็ยังมองว่าประเทศไทยยังเป็นแหล่งค้าสัตว์ป่า รวมทั้งประเทศทางผ่านของการค้าสัตว์ป่าอยู่ด้วย ซึ่งเราก็ต้องมีมาตรการที่เข้มแข็งในการแก้ปัญหาดังกล่าวต่อไป แต่ลำพังกรมอุทยานฯ จะไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้สำเร็จเลย หากไม่มีพันธมิตรมาร่วมกันแก้ปัญหา รวมทั้งประชาชนและเครือข่ายในพื้นที่ และในครั้งนี้ถือเป็นการสร้างโอกาสผู้ที่ก้าวพลาด คืนคนดีสู่สังคม

นายธัญญา กล่าวอีกว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะมีการดำเนินการพัฒนาพื้นที่ในความดูแลของกรมราชทัณฑ์ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่า รวมทั้งเป็นการสนับสนุนความรู้ทางวิชาการ สนับสนุนความรู้ทางวิชาการ และถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่า แก่เจ้าหน้าที่และผู้ก้าวพลาดของกรมราชทัณฑ์ และร่วมกันแก้ไขปัญหาสัตว์ป่าที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ฟื้นฟู และพัฒนาจิตสำนึกผู้ก้าวพลาดให้ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรสัตว์ป่า อันเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าต่อไป

ด้านพ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวเสริมว่า กรมราชทัณฑ์ดูแลบังคับโทษผู้กระทำผิด โดยเรามีเจ้าหน้าที่จำนวน 15,000 คน ดูแลนักโทษจำนวน 380,000 คนทั่วประเทศ ในการบังคับโทษกรมราชทัณฑ์ได้ดูแลเป็นที่น่าพอใจ ส่วนอีกหน้าที่คือการฟื้นฟูผู้กระทำผิดได้กลับตัวกลับใจเป็นพลเมืองที่ดีสู่สังคมอีกครั้งหนึ่ง แต่เรายังพบว่าผู้ที่เคยต้องขังยังกลับไปกระทำผิดซ้ำ โดยเราพยายามใช้กุศโลบายต่างๆ เช่น ร่วมกับกรมปศุสัตว์ ดูแลสัตว์เพื่อฟื้นฟูจิตใจ

อย่างการร่วมมือกับกรมอุทยานฯ ก็เป็นอีกหนึ่งโอกาสที่จะให้ผู้ต้องขังได้ร่วมเป็นประโยชน์แก่สังคม ช่วยกันดูแลทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า และช่วยดับไฟป่า ซึ่งผู้ต้องขังเองก็ต้องการได้รับโอกาสในการทำความดี มีจิตใจที่อ่อนโยน รักใคร่เพื่อนมนุษย์และสัตว์ป่ามากขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ทั้ง 2 หน่วยงานจะได้ร่วมมือกัน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน