สผ.ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล จัดเสวนา กระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วม “การบริหารจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเชิงรุกในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมี”

ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช รองเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) กล่าวว่า การจัดประชุมเสวนา “การบริหารจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเชิงรุกในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมี” โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) โดย กองวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (กวผ.) ร่วมกับคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อระดมสมองทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรธุรกิจพันธมิตร เพื่อที่จะติดตามเฝ้าระวัง และบริหารจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเชิงรุกในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมีโดยสร้างการมีส่วนร่วมจากภาคส่วนต่างๆ และเชื่อมโยงความรู้จากสถาบันต่างๆ เข้ามาร่วมกันทำงานเพื่อช่วยแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศได้อย่างยั่งยืน

ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช รองเลขาธิการ

โดยมีนักวิชาการสิ่งแวดล้อมจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน (บริษัทที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม) ผู้แทนอุตสาหกรรมปิโตรเลียม (ได้แก่ โรงงานกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม โรงงานแยกก๊าชธรรมชาติ โรงงาน/กิจการ แปรสภาพก๊าชธรรมชาติ) ผู้แทนอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สถาบันการศึกษา เจ้าหน้าที่ สผ. และผู้ที่เกี่ยวข้องในภาคส่วนต่าง ๆ

การประชุมเสวนาในครั้งนี้ได้จัดผ่านระบบออนไลน์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นการดำเนินการบริหารจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเชิงรุกของกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและข้อเสนอแนะต่อภาครัฐที่จะช่วยกันให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนผ่านกลไกรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) ต่อไป ช่วยส่งเสริมให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและอุตสาหกรรมปิโตรเคมีรวมถึงผู้สนใจทั่วไปได้รับการเสริมสร้างศักยภาพองค์ความรู้เพื่อให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือที่ดีของภาครัฐ และเอกชน ในการร่วมกันแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศจากแหล่งกำเนิดเพื่อประชาชนและชุมชนในพื้นที่ ต่อไป

ทั้งนี้ได้ข้อสรุปแนวทางการการบริหารจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเชิงรุก

การทำตามข้อกฎหมายกำหนด (Regulatory Control) และการทำเพิ่มมากกว่าที่ข้อกฎหมายกำหนดโดยสมัครใจ (Voluntary Control) จะทำให้เกิดนโยบายปฏิบัติที่ดีที่สุด (Policy Best Mix Approach) ในการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศของพื้นที่อย่างยั่งยืนในมิติเชิงรุก

การบริหารจัดการมลพิษทางอากาศสำหรับโรงงานปิโตรเลียมและปิโตรเคมีที่เป็นเชิงรุกต้องคำนึงถึงมิติ คาร์บอนต่ำ (Low Carbon) ประหยัดพลังงาน (Low Energy) ใช้สารเคมีปริมาณน้อยหรือที่มีความเป็นพิษต่ำ (Low Chemical) ระบบบำบัดที่เหมาะสม (Available & Appropriate Treatment Technology) ความสมดุลด้านการผลิต การจัดการ ที่เหมาะสมกับการเงิน และความเชื่อมั่นทางสังคมของชุมชนที่จะมีต่อโรงงาน

โรงงานกลั่นน้ำมันไทยออยล์ เป็นตัวอย่างการบริหารจัดการมลพิษทางอากาศเชิงรุกอย่างเป็นระบบ ได้ดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัดและดำเนินการตามนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืนระดับสากล

กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในพื้นที่มาบตาพุด ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการมลพิษทางอากาศ สาร 1,3-บิวทาไดอีน แบบเชิงรุก อย่างน่าภาคภูมิใจ โดยร่วมมือกันในการศึกษาสาเหตุ ทดลองปฏิบัติ จนสามารถทำให้สารมลพิษดังกล่าวในพื้นที่ลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ

การส่งเสริมจากภาครัฐที่สามารถเหนี่ยวนำให้เกิดความสมัครใจในการดำเนินการมากกว่าที่กฎหมายกำหนด เป็นหัวใจสำคัญในการบริหารจัดการมลพิษทางอากาศเชิงรุก

ทั้งนี้จะทำให้ภาคอุตสาหกรรมมีการปรับตัวและดำเนินนโยบายการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศในเชิงรุกมากขึ้น เช่นการนำมาใช้ซึ่ง Best available และ Best appropriate control technology รวมถึงเครื่องมือในการจัดการสิ่งแวดล้อมในระดับสากลโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายความยั่งยืน(Sustainable Development Goals: SDGs) อันจะช่วยก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีในการดำเนินงานกิจการและช่วยแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศได้อย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน