ลูกบ้าน“เดอะเม็ท” คาใจ ตั้งคำถามความโปร่งใส การอนุมัติ EIA โครงการดัง หลังพิจารณาอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ชุมชนแวดล้อมกว่า 60% ไม่เห็นด้วย

วันที่ 5 ต.ค.64 ผู้อยู่อาศัยโครงการ “เดอะเม็ท” (The MET) รวมถึงผู้คนในย่านสาทร ร้องเรียนว่า มีความกังวลอย่างมาก ภายหลังจากทราบว่า โครงการ “ 125 สาทร” (125 SATHORN) ที่ได้รับการอนุมัติ EIA แล้ว

โดยตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดโครงการใหม่จึงได้รับการอนุมัติทั้งที่เดอะเม็ท ยื่นรายงานการคัดค้านจำนวน 260 หน้าที่มีรายละเอียดชัดเจนถึงคณะกรรมการตรวจสอบผู้เชี่ยวชาญในเดือนมี.ค.64 ส่งผลให้โครงการถูกปฏิเสธในเดือนเมษายน แต่ใน 4 เดือนต่อมาโครงการกลับได้รับการอนุมัติ EIA

น.ส.ชิดชนก เลิศอำพรไพศาล ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดเดอะเม็ท สาทร แสดงความห่วงใยต่อเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า จำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าการก่อสร้างใหม่ใดๆ เป็นไปตามข้อบังคับการควบคุมอาคารที่บังคับใช้และคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่มีต่อ เดอะเม็ท อย่างจริงจัง

ทั้งนี้ เดอะเม็ทแสดงการคัดค้านโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นโครงการที่พักอาศัยประเภทอาคารสูงขนาดใหญ่ที่ออกแบบเป็นอาคารแฝดความสูง 143 เมตร จำนวน 756 ยูนิต บนที่ดิน 3 ไร่ ติดถนนสาทรใต้ตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการเดอะเม็ท โดยเจ้าของร่วมโครงการเดอะเม็ท ต่างรู้สึกประหลาดใจที่โครงการดังกล่าวได้รับการอนุมัติ EIA ในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ทั้งที่โครงการนี้เคยถูกปฏิเสธการขออนุมัติ EIA ในตอนแรกเมื่อเดือนเม.ย.64 เมื่อคณะกรรมการตรวจสอบผู้เชี่ยวชาญได้ยกประเด็นต่างๆ มากมายเป็นเหตุผลในการปฏิเสธครั้งนั้นซึ่งรวมถึงปัญหาวิกฤตการจราจรบนถนนสาทรด้วย

แม้ผู้พัฒนาโครงการใหม่จะดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของชุมชนแวดล้อมโครงการซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม แต่อย่างไรก็ตาม เดอะเม็ท ไม่พอใจกับคำอธิบายที่ได้รับจากโครงการดังกล่าว ในเรื่องการจัดการกับลม แสงแดด ฝุ่นพิษ เสียง และการสั่นสะเทือน ทำให้เกิดคำถามว่า ผู้มีอำนาจในการอนุมัติ EIA ได้พิจารณาให้น้ำหนักอย่างไรต่อข้อมูลที่นำเสนอโดยนักพัฒนา กับข้อมูลที่แสดงความกังวลของชุมชน ก่อนที่จะให้การอนุมัติ EIA โครงการใหม่

ทั้งนี้ประเด็นดังกล่าวจึงนำไปสู่ข้อสงสัยเกี่ยวกับความโปร่งใสของกระบวนการอนุมัติ EIA สำหรับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ การตัดสินใจในที่ประชุมที่มีการตัดสินใจนั้น สาธารณชนไม่อาจรับรู้ จึงมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า คณะกรรมการตรวจสอบผู้เชี่ยวชาญอาจให้น้ำหนักอย่างผิวเผินต่อรายงานและเอกสารเกี่ยวกับผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ

และคำถามยังคงมีอยู่ว่า จะมีวิธีทำให้เกิดความสมดุลได้อย่างไร เมื่อผลกระทบด้านลบของสิ่งแวดล้อมมีต่อคุณภาพชีวิตและวิถีชีวิตของชุมชนที่มีอยู่เดิมซึ่งชุมชนที่ว่านั้นรวมถึงเดอะเม็ท สถานเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ ที่ตั้งอยู่ติดกับแปลงที่ดินโครงการใหม่ และประชาชนในละแวกใกล้เคียง

ทั้งนี้ จากการสำรวจผู้เข้าร่วมการทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นของชุมชนแวดล้อมจำนวน 400 คน มีผู้แสดงการคัดค้านโครงการ ในอัตรามากกว่าร้อยละ 60

อาจกล่าวได้ว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของกระบวนการอนุมัติ EIA มีตัวอย่างชี้ชัดในเรื่องนี้ เช่น กรณีโครงการย่านอโศก ในเดือนส.ค.64 ที่ศาลปกครองกลาง เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ตามคำฟ้องของชุมชน ต่อผู้อำนวยการสำนักงานเขตวัฒนา ผู้อำนวยการโยธาธิการ กทม. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการตรวจสอบผู้เชี่ยวชาญ (Expert Review Committee) โดยศาลพิพากษาว่าจำเลยร่วมกันไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด

หรือ อีกกรณีคือ โครงการหรูย่านยานนาวา ที่ กรุงเทพมหานครได้รับคำร้องเรียน ขอให้มีการระงับใบอนุญาตก่อสร้างอาคารสูงหลังนี้ โดย นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ตัวแทนของประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการ ได้แสดงการคัดค้านการอนุมัติ EIA และระบุว่า กทม. ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน เพราะโครงการได้รับการอนุมัติ EIA แม้ว่าถนนหน้าโครงการจะแคบกว่าความกว้างที่กฎหมายอนุญาตก็ตาม

เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีการนำเสนอข้อมูลด้านความปลอดภัยสาธารณะและสภาพแวดล้อมในเมืองจากรายงานของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) โดยเสนอกฎระเบียบที่เข้มงวดเกี่ยวกับการอนุมัติ EIA สำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวสูง ซึ่งรวมถึงปัญหาที่น่ากังวลของโครงการใหม่ที่ปิดกั้นระดับลมและแสงแดดต่อชุมชนที่มีอยู่เดิม

อย่างไรก็ตาม ในการประชาพิจารณ์ที่จัดขึ้นเมื่อเดือนพ.ค.64 ข้อเสนอเหล่านี้ถูกตอบโต้อย่างหนักจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทาง สผ. ได้เปลี่ยนท่าทีพร้อมประกาศในภายหลังว่าข้อเสนอนั้นเป็นเพียงแนวทาง และจะไม่กลายเป็นข้อบังคับ บทสรุปเช่นนี้ชี้ว่าเสียงของประชาชนยังคงไม่ได้รับการรับฟังหรือนำมาพิจารณาอย่างเพียงพอในกระบวนการอนุมัติ EIA

การอนุมัติ EIA โครงการดังกล่าว จึงเป็นอีกกรณีหนึ่งที่ความกังวลของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและชุมชนใกล้เคียงได้รับการพิจารณาเพียงผิวเผินและถูกละเลย

จึงนำไปสู่คำถามเกี่ยวกับความโปร่งใสในกระบวนการอนุมัติ EIA ว่า 1) กระบวนการตัดสินใจนี้สามารถตรวจสอบได้โดยสาธารณะและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่? 2) หน่วยงานสามารถสร้างสมดุลระหว่างสิทธิของนักพัฒนาและสิทธิของชุมชนที่มีอยู่ได้อย่างไร? และ 3) สผ. จะปกป้องผู้อยู่อาศัยในชุมชนเดิมจากโครงการใหม่ที่สร้างขึ้นในระยะประชิดเกินไปและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและวิถีชีวิตของพวกเขาอย่างไร?

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน