จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ‎Wat Jitaree โพสต์ข้อความพร้อมภาพตั๋วรถไฟใบหนึ่ง โดยระบุว่าเมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้ขึ้นรถไฟขบวน 131 กรุงเทพฯ-ชุมทางบ้านภาชี และได้มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมาจากสถานีบางซื่อ ไปลงรังสิต แต่น้องไม่ได้ซื้อตั๋วที่ช่องจำหน่ายตั๋วที่ชานชาลา เพราะรถใกล้จะออก กอปรกับเจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋วได้ไล่ให้ขึ้นมาซื้อตั๋วกับพนักงานข้างบนแทน

พอรถไฟออกได้มี พรร. (พนักงานรักษารถ) ที่อยู่โบกี้สุดท้ายของขบวนรถ มาเช็กตั๋วก่อนถามน้องว่าลงที่ไหน น้องตอบว่าลงรังสิต พนักงานได้คิดเงินเป็นจำนวน 105 บาท (ค่าตั๋ว 5 บาท ค่าธรรมเนียมมาซื้อบนรถอีก 100 บาท) และไม่ได้มีคนเดียว ทว่ามีคนโดนถึง 3 คน อีก 2 คน ขึ้นจากบางซื่อลงบางเขนโดนไป 202 บาท (ค่าธรรมเนียม 200 ค่าตั๋ว 2 บาท)น้องทำหน้างงว่าทำไมแพงจัง และให้เหตุผลว่ามารถไกล้จะออกแล้ว พนักงานข้างล่างก็ให้มาซื้อข้างบนรถ พนักงานรถไฟตอบว่า “คุณต้องมารอรถไฟ ไม่ใช่รถไฟรอคุณ”

ผู้โพสต์ระบุต่อว่า พนักงานลืมไปหรือว่านี้รถชานเมืองจอดทุกจุด “ย้ำว่ารถชานเมือง” ผมขอถามหน่อยว่าจุดจอด อุรุพงษ์, รพ.รามา, กม.11, เคหะทุ่งสองห้อง, หมู่บ้านแกรน์คาแนล, หลัก 6 ที่ไม่มีห้องขายตั๋วและมีคนขึ้นจะให้พวกเขาทำอย่างไร หรือคุณจะปรับเขาทุกคน ถ้าอย่างนั้นรถไฟจะจอดทำไม คุณไม่มีน้ำใจให้เพื่อนมนุษย์เลย หรือจะเอาตามกฏระเบียบอย่างเดียวโดยไม่สนใจผู้มีรายได้น้อย ที่ต้องใช้รถไฟเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรบ้างหรือครับ

อย่างไรก็ตามต่อมาได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งมาคอมเมนต์พร้อมภาพว่า “ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2543 เป็นต้นไป ค่าธรรมเนียมขึ้นบนขบวนรถโดยที่ไม่มีตั๋ว รถด่วนพิเศษ รถด่วน และ รถเร็ว คนละ 250 บาท ส่วนรถขวบนอื่นคนละ 100 บาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน