ยูเนสโก ชี้ หากรัฐบาลไม่เร่งลงทุนฟื้นฟูประเทศด้านการศึกษาและการพัฒนาคนในปี 2022 นี้ ประเทศจะสูญเสียคนรุ่นนี้ไปทั้งเจเนอร์เรชั่น

สเตฟาเนีย จีอันนินี ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ด้านการศึกษา แห่งองค์กรการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) กล่าวระหว่างเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 2 กับคณะผู้สื่อข่าวไทยถึงเทรนด์การศึกษาของโลกหลังวิกฤตยุคโควิด-19 ว่า การระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น เป็นปัญหาใหม่ที่ทั่วโลกเผชิญหน้าพร้อมกัน แต่ก็มีแนวทางการรับมือที่ต่างกันออกไป รวมถึงนโยบายทิศทางด้านการศึกษา

สเตฟาเนีย กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่อยากให้มองคือ วิกฤตที่เกิดขึ้นกลายเป็นโอกาสที่จะได้ปฏิรูปเปลี่ยนผ่านระบบการศึกษาของรัฐบาลแต่ละประเทศ โควิด-19 ทำให้ตระหนักว่าการศึกษาสำคัญอย่างไร และมองเห็นว่าการศึกษาของแต่ละชาติมีปัญหาอยู่ตรงไหน

ยูเนสโก ชี้ หากรัฐบาลไม่เร่งลงทุนฟื้นฟูประเทศด้านการศึกษาและการพัฒนาคนในปี 2022

ยูเนสโก ชี้ หากรัฐบาลไม่เร่งลงทุนฟื้นฟูประเทศด้านการศึกษาและการพัฒนาคนในปี 2022

สเตฟาเนีย กล่าวต่อว่า ปัญหาที่น่ากลัวหลังยุคโควิดคือคนยากจนจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น ดังนั้นการปฏิรูประบบการศึกษาจึงต้องคำนึงปัจจัยดังกล่าว โดยแนวทางปฏิบัติไม่เพียงแต่ต้องมุ่งเน้นให้เด็กทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงทักษะทางอารมณ์สังคม ช่องว่างความเหลื่อมล้ำ และผลกระทบระยะยาวที่ต้องเฝ้าระวังและติดตาม

สเตฟาเนีย กล่าวอีกว่า อาเซียนก็มีจุดแข็งที่ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การที่ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้ตระหนักและให้ความสำคัญกับการปฏิรูปการศึกษา ทั้งในแง่ของการยกระดับการเข้าถึงการศึกษาถ้วนหน้าเพื่อความเสมอภาค และการพัฒนาระบบการศึกษาให้มีคุณภาพ (inclusive, equity and quality)

“จุดแข็งของประเทศไทย คือการที่มีทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เข้มแข็ง และให้ความสำคัญกับการศึกษาอย่างจริงจัง มีองค์กรอย่าง กสศ. คอยทำหน้าที่อำนวยการศึกษาให้เข้าถึงเด็กทุกคน ซึ่งสเตฟาเนียเชื่อว่า กสศ. และประเทศไทย จะเป็นหนึ่งตัวอย่างของความสำเร็จในเรื่องการดำเนินงานเพื่อสร้างความเสมอภาคทางด้านการศึกษา ให้นานาประเทศได้เรียนรู้ต่อไป” สเตฟาเนีย กล่าว

ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจถดถอยและปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลก ซึ่งทำให้รัฐบาลนานาประเทศต้องจัดการอย่างเร่งด่วน สเตฟาเนีย กล่าวว่า รัฐบาลไม่ควรละเลยเรื่องการศึกษา โดยต้องให้น้ำหนักด้านการศึกษาเท่าเทียมกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน แน่นอนว่าการทำให้คนอยู่ดีกินดี พัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเป็นสิ่งที่ควรทำ

แต่ในฐานะตัวแทนของยูเนสโก จุดยืนที่ยูเนสโกพูดมาตลอดคือการวางสมดุลระหว่างการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการพัฒนาการศึกษา เพราะเศรษฐกิจทำให้สังคมขับเคลื่อนต่อไปได้ แต่การศึกษาคือการวางรากฐานที่จะสร้างความมั่นคงยั่งยืนต่อไปในอนาคต ดังนั้นหากว่ารัฐบาลไม่เร่งลงทุนในด้านการศึกษาอย่างจริงจัง จะมี ‘คน’ คุณภาพรุ่นต่อไปมาพัฒนาอนาคตของประเทศได้อย่างไร และสิ่งที่จะสูญเสียไปก็คือ ‘คนเจเนอร์เรชั่นหนึ่งที่จะหายไปทั้งรุ่น’

ทั้งนี้ ไม่ได้บอกว่าเศรษฐกิจไม่สำคัญ แต่อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการศึกษา เหมือนกับที่ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจ เพราะแม้ผลลัพธ์ของการศึกษาคุณภาพและเสมอภาคอาจไม่เห็นผลในทันที แต่อย่างไรก็ถือว่าเป็นการลงทุนในระยะยาวที่ยั่งยืนและคุ้มค่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน