บุกเบิกพลังงานสีเขียว จับมือปลูก ‘เพาโลเนีย’ ย้ายศูนย์กลางมาไทย บนเนื้อที่กว่า 60,000 ไร่ ‘บิ๊ก ทองภูมิ’ ประกาศร่วมทุนผู้เชี่ยวชาญชั้นนำระดับโลก

บริษัท ซัสเทนเนเบิ้ล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด โดย บิ๊ก ทองภูมิ สิริพิพัฒน์ เดินหน้าประกาศร่วมทุนกับผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลก และทีมนักวิจัยจากประเทศออสเตรเลีย ภายใต้โครงการที่เรียกว่า “SD Tree for Net Zero” โดยดำเนินงานจะเริ่มในเดือนกันยายน 2565 และจะเป็นโครงการต่อเนื่อง โดยมีที่ดินเป็นของตนเองกว่า 60,000 ไร่ และคาดว่าจะมีการเพาะปลูกมากกว่า 125,000 ไร่ ในอีก 5 ปี ข้างหน้า

บิ๊ก ทองภูมิ สิริพิพัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท ซัสเทนเนเบิ้ล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า การร่วมทุนกับผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลกและทีมนักวิจัยจากประเทศออสเตรเลีย ภายใต้โครงการ “SD Tree for Net Zero” ในครั้งนี้ จะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมโดยการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในดิน และไม้ที่ผลิตขึ้นยังสามารถช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนไม้ทั่วโลกในอุตสาหกรรมการก่อสร้างได้

โดยต้นเพาโลเนียเป็นต้นไม้ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก และนักวิทยาศาสตร์ร่วมทุนได้พัฒนาวิธีที่จะทำให้ต้นไม้นี้เติบโตอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งไม่มีต้นไม้อื่นใดในโลกที่สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซต์ในปริมาณที่เท่ากันในระหว่างวงจรการเจริญเติบโตตามปกติ

ดังนั้น ต้นไม้เพาโลเนียจึงถูกเรียกว่า SDT หรือก็คือ “ต้นไม้แห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน” ด้วยมุมมองของมนุษยชาติในอนาคต ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยแต่รวมถึงผู้คนทั่วโลกอีกด้วย

“ประเทศไทยจะเป็นผู้บุกเบิกการเคลื่อนไหวด้านพลังงานสีเขียวนี้และจะเป็นแบบอย่างให้คนทั่วโลกลอกเลียนแบบ โครงการนี้ไม่ได้เป็นเพียงเกี่ยวกับการปลูกต้นไม้เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับวิธีใหม่ในการทำการเกษตรแบบยั่งยืน การสร้างองค์ประกอบทางชีววิทยาของดินขึ้นใหม่เพื่อแนะนำเทคนิคการปลูกพืชแบบผสมผสาน และการเปลี่ยนจากปุ๋ยและยาฆ่าแมลงแบบดั้งเดิมไปเป็นอินทรีย์บริสุทธิ์ 100% และระบบควบคุมทางชีวภาพสำหรับการจัดการ ศัตรูพืชและโรค”

ทองภูมิ กล่าวด้วยว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์ซึ่งรวมถึง Professor Peter Phongphaew หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าของโลก จะย้ายฐานการปลูกจากประเทศออสเตรเลียและที่อื่นๆ ในโลกมาปลูกที่ประเทศไทยภายในสามเดือนข้างหน้า ซึ่งโครงการนี้จะก่อให้เกิดการจ้างงานคนในท้องถิ่นหลายร้อยคนในทุกด้านตั้งแต่งานเรือนเพาะชำ ปลูกป่า และการเก็บเกี่ยว ไปจนถึงเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการและวิจัย เนื่องจากบริษัทร่วมทุนจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย โดยมีศูนย์เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและวิจัยพืชอย่างครอบคลุม ตลอดจนร่วมสร้างโอกาส และยังให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอกด้วย

ด้าน มัลคอล์ม ลามอนต์ (Mr. Malcolm Lamont) ผู้เชี่ยวชาญเพาโลเนียชั้นนำของโลก ซึ่งทำงานกับต้นเพาโลเนียมานานเป็นเวลาร่วม 25 ปี กล่าวว่า “ในช่วงเวลานี้เองได้พัฒนาสายพันธุ์ SDT ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่น่าตื่นเต้นสำหรับประเทศไทย และสิ่งแวดล้อมทั่วโลก โครงการนี้จะทำให้ประเทศไทยเป็นตัวอย่างชั้นนำของโลก ไม่เพียงแต่ส่ง “คาร์บอนเครดิต” ที่สามารถขายได้ในตลาด แต่ยังผลิตไม้คุณภาพสูงส่งขายไปทั่วโลก








Advertisement

โดยประเทศไทยมีความเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับโครงการนี้ เนื่องจากสภาพอากาศรวมถึงปริมาณน้ำฝนโดยรวมของแสงแดดและคุณภาพของดินซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซต์ของ SDT ให้ได้มากที่สุด”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน