ปลัดมท.เปิดอบรมหลักสูตรผู้นำการเปลี่ยนแปลงการขับเคลื่อนศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ให้กับนักเรียนนายอำเภอ รุ่นที่ 83 เน้นย้ำ ทุกคนเป็นความหวังของชาวมหาดไทย ผู้ทำให้ประชาชนมีความสุขอย่างยั่งยืน

วันที่ 20 มิ.ย.66 ที่ห้องประชุม War room ชั้น 2 ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ (Action Learning) หลักสูตร “ผู้นำการเปลี่ยนแปลงการขับเคลื่อนศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” ให้กับผู้เข้ารับการศึกษาอบรมหลักสูตรนายอำเภอ รุ่นที่ 83 พร้อมบรรยายพิเศษ “ทำไมต้อง CAST” ผ่านระบบประชุมทางไกล (Zoom Cloud Meeting) ไปยังศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนนครนายก อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก โดยได้รับเมตตาจาก พระครูสุภัทรธรรมโฆษิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม โดยนายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน รศ.วรวรรณ โรจนไพบูลย์ ผศ.พิเชฐ โสวิทยสกุล ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย นายศิริพันธ์ ศรีกงพลี รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายสุเมธ มีนาภา รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นางสาวชัชดาพร บุญพีรณัช รองอธิบดีกรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และนายสิทธิชัย เทพภูษา อธิการวิทยาลัยการปกครอง นายกองโท อิสรา สุขแจ่มใส และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมรับฟัง

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับพี่น้องนักเรียนนายอำเภอ รุ่นที่ 83 ทุกท่าน ที่ได้มาอบรมหลักสูตร “ผู้นำการเปลี่ยนแปลงการขับเคลื่อนศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” ทำให้นักเรียนนายอำเภอได้มีโอกาสใช้ชีวิตร่วมกันที่ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนนครนายก ได้มีความสุข ได้ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ซึ่งนับว่าเป็นช่วงเวลาที่มีค่ายิ่งในการพัฒนาความรู้ ละลายพฤติกรรม ยอมรับในความแตกต่าง โดยทุกคนในที่นี้มีเป้าหมายเดียวกัน คือ การพาเพื่อนสมาชิกนักเรียนนายอำเภอ รุ่นที่ 83 ไปทำสิ่งที่ดี Change for Good เป็นราชสีห์ผู้ภักดีและเป็นข้าราชการที่ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการรับการอบรมความรู้และการทำงานแบบบูรณาการอย่างยั่งยืนอย่างเป็นระบบ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและความมั่นใจให้กับการทำงาน เพื่อภายหลังจบการอบรมแล้ว จะได้กลับไปทำหน้าที่ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่พี่น้องประชาชน รวมถึงประเทศชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์

“นักเรียนนายอำเภอทุกท่าน ต้องตระหนักอยู่เสมอว่า ในฐานะ “ราชสีห์ผู้ภักดีของแผ่นดิน” เป็นข้าราชการของแผ่นดินและข้าราชที่ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น เวลาทุกนาทีของเราคือเวลาในการทำความดีตอบแทนคุณแผ่นดิน เพื่อสานต่ออุดมการณ์ของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์ปฐมเสนาบดี ของกระทรวงมหาดไทย ได้ให้ความสำคัญกับแนวทางการทำงาน ที่เข้าถึงพื้นที่ เข้าถึงจิตใจ ของประชาชน และได้มอบหมายหน้าที่ของคนมหาดไทย คือ “การบำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ภายใต้หลักการทำงานแบบ “รองเท้าสึก ก่อนกางเกงขาด” และยังมีพระดำรัสในการทำงานให้ครองใจพี่น้องประชาชนว่า “เจ้าคุณอำนาจอยู่ที่ราษฎรเชื่อถือ ไม่ใช่อยู่ที่พระแสงราชศัสตรา จะไปอยู่ที่ไหนก็ตาม ถ้าเจ้าคุณทำให้ราษฎรเชื่อถือด้วยความศรัทธาแล้ว ไม่มีใครถอดเจ้าคุณได้แม้ในหลวง เพราะท่านก็ทรงปรารถนาให้ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุขเช่นเดียวกัน” นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า หลักสูตรนักเรียนนายอำเภอ มีความสำคัญยิ่งกับกระทรวงมหาดไทยและประเทศชาติ เพราะว่า ตำแหน่งนายอำเภอเป็นตำแหน่งที่ใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนมากที่สุด และเป็นตำแหน่งที่เป็นผู้นำของทุกภาคส่วน ใน 878 อำเภอ ใน 7,555 หมู่บ้าน ดังนั้น คนที่จะดำรงตำแหน่งนายอำเภอได้ จะต้องผ่านหลักสูตรนักเรียนนายอำเภอ เพื่อฝึกฝนความรู้ความเข้าใจในนโยบายพร้อมจุดไฟในใจด้วย Passion และ Attitude ของการเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนนำความสำเร็จไปสู่พื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม ดังที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษและอดีตนายกรัฐมนตรี ได้เคยเปรียบเปรยว่า “นายอำเภอที่ดีสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้” ซึ่งมีนัยสำคัญว่า เราต้องตระหนักเสมอว่า “ต้องทำงานแบบบูรณาการกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน” เพราะงานของทุกกระทรวง ทุกกรม เป็นภารกิจของนายอำเภอทั้งสิ้น ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลและตัวแทนของกระทรวงมหาดไทย และเป็นผู้นำสูงสุดของอำเภอ ในการปฏิบัติหน้าที่ข้าราชการของแผ่นดิน ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือน “โซ่ข้อกลาง” การบูรณาการคน บูรณาการงาน เพื่อทำสิ่งที่ดี Change for Good ให้แก่พี่น้องประชาชน ดังนั้น ผู้นำที่ดี ต้องมีแรงปรารถนา (Pasion) และทัศนคติ (Attitude) ที่ดี ต้องมีความรู้ความสามารถในการสื่อสาร และบูรณาการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย และต้องไม่ทำตัวเป็น One man show และต้องมีความเป็นผู้นำ (Leadership) ในการตัดสินใจและหลอมรวมความสามัคคีให้เกิดขึ้น รวมถึงความสามารถในการ “ครองคน ครองตน ครองงาน”

“จากโครงการในพระราชดำริกว่า 4,741 โครงการ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สอนให้เห็นถึงบทเรียนของการทำงานให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ซึ่ง “คน” มีความสำคัญ และต้องประกอบด้วย การร่วมพูดคุย ร่วมคิด ร่วมทำ และร่วมรับประโยชน์ ซึ่งการจะเกิดความยั่งยืนได้ต้องอาศัย 7 ภาคีเครือข่าย (Partnership) ซึ่งประกอบด้วย ภาคราชการ ภาคผู้นำศาสนา ภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน และภาคสื่อสารมวลชน โดยเฉพาะการผนึกภาคีเครือข่ายภาคศาสนา ขับเคลื่อนพลัง “บวร” บ้าน วัด ราชการ ดังที่กระทรวงมหาดไทยได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับภาคศาสนา ตามโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข ร่วมกับสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณูปการของมหาเถรสมาคม และการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) บทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน ร่วมกับ เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม นอกจากนี้กระทรวงมหาดไทยยังได้ร่วมกับภาควิชาการ ในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การพัฒนาจังหวัดที่สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมเชิงพื้นที่ ร่วมกับ ศ.ดร.นพ. พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาจะเป็นต้นน้ำ ที่จะให้นายอำเภอได้ทำหน้าที่ผู้นำที่ดีในการผนึกกำลังร่วมกับภาคีเครือข่าย ที่จะเป็นกำลังสำคัญสนับสนุนขับเคลื่อนงานของกระทรวงมหาดไทยในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” พี่น้องประชาชน ไปสู่ความสำเร็จได้” นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเน้นย้ำ

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า หากนักเรียนนายอำเภอ ทำสิ่งใดร่วมกันก็จะประสบความสำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้น ดังสุภาษิตไทยโบราณว่า “ไม้ไผ่หลายแขนงแข็งกว่าแขนงเดียว” ดังนั้นทุกคนต้องทำให้เวลาที่มีอยู่น้อยนั้นมีค่า ต้องทุ่มเททำอย่างเต็มที่ต้องมีหัวใจนักปราชญ์ สุ จิ ปุ ลิ ในการใช้ชีวิตนักเรียนนายอำเภอ เพื่อให้รับการพัฒนาตนเอง เพื่อนำพาตนเองไปสู่ความเป็นเลิศในการครองใจพี่น้องประชาชน และทำหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขพี่น้องประชาชนได้ ซึ่งต้องอาศัยคนที่มีจิตใจที่เสียสละ และมีความรู้ความเข้าใจ พร้อมที่จะบูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน รวมทั้งการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้กับพื้นที่ของท่าน เพราะคนมหาดไทยมีเลือดสีดำอยู่เต็มร่างกาย ดังสีประจำกระทรวงมหาดไทย คือ “สีดำ” ที่เป็นสีแห่งความรักที่เป็นอมตะตามความเชื่อคติทางพราหมณ์ ตรงกับหน้าที่คนมหาดไทยที่รักคนอื่น รักประชาชนมากกว่ารักตัวเอง เพื่อให้เกิดการ Change for Good บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชนที่ได้ทำมาตลอด 131 ปีที่ผ่านมา

“หลักสูตรนักเรียนนายอำเภอ จะทำให้ทุกคนกล้าแกร่ง มีความมุ่งมั่นและความเพียรพยายาม ดุจพระมหาชนกที่ล่องลอยอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรใหญ่ แต่ทรงเพียรพยายามว่ายน้ำไปจนถึงฝั่งได้ ดังนั้น จึงขอให้พวกเราช่วยกันปลุกเร้าจิตใจที่รุกรบเป็นขุนศึก มีอุดมการณ์ชาวมหาดไทยกระทรวงมหาดไทย ทำหน้าที่ทำนุบำรุง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ให้มั่นคง และทำให้ประชาชนมีความสุขเพิ่มขึ้น มีความทุกข์น้อยลง และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนได้มีความภาคภูมิใจและได้มั่นใจว่า กระทรวงมหาดไทย และผู้บริหาร มีความหวังกับพวกเราทุกคน และได้ทุ่มเทสรรพกำลังมากมาย โดยหวังว่าเราจะสร้างคนมหาดไทย ที่จะมาช่วยกันทำให้ฝันของเราเป็นจริง และทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ สนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งที่ผิด” และขอให้ใช้เวลาที่มีอย่างคุ้มค่า ทุ่มเทอุทิศกายอุทิศใจ ในการทำหน้าที่นักเรียนนายอำเภอ สานฝันความหวังของกระทรวงมหาดไทย ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้เป็นจริง” นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวทิ้งท้าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน