สุขภาพช่องปาก ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความสวยงามหรือความมั่นใจเท่านั้น แต่ยังมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับสุขภาพร่างกายโดยรวม ปัญหาที่ดูเหมือนเล็กน้อยอย่าง ‘ฟันผุ’ อาจกลายเป็นระเบิดเวลาที่นำไปสู่โรคร้ายแรง ลุกลามสู่ปัญหาสุขภาพที่คาดไม่ถึง และอาจคร่าชีวิตคุณได้โดยไม่รู้ตัว!

วิกฤติสุขภาพช่องปากคนไทย – ปัญหาที่ถูกมองข้าม

หากคุณคิดว่าฟันผุเป็นเรื่องของเด็ก ฟันหลอเป็นเรื่องของสูงวัย คุณคิดผิด! ข้อมูลจากผลสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติ ครั้งที่ 9 ปี 2566 โดยสำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย พบว่า 84% ของคนวัยทำงานกำลังสูญเสียฟัน และกว่า 53% มีฟันผุที่ยังไม่ได้รับการรักษา

นอกจากนี้ ผลสำรวจอนามัยโพลเกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก โดยกรมอนามัย ระหว่างวันที่ 1 – 31 พฤษภาคม 2567 พบว่า กว่า 55% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีปัญหาช่องปาก ซึ่งฟันผุเป็นปัญหาที่พบมากที่สุด ตามมาด้วยคราบหินปูน และเหงือกอักเสบ นี่คือสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่าคนไทยกำลังเผชิญกับวิกฤติสุขภาพช่องปากอย่างรุนแรง!

ฟันผุ = ฝันร้าย อันตรายที่เริ่มจากละเลย

ปัญหาฟันผุที่นำไปสู่การสูญเสียฟันและโรคร้าย ไม่ได้เกิดขึ้นภายในวันสองวัน แต่เริ่มต้นจากการละเลยเรื่องเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน

หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหานี้คือ ขาดประสิทธิภาพในการดูแลช่องปากอย่างเหมาะสม คนจำนวนมากยังคงแปรงฟันไม่ถูกวิธี ซึ่งอาจเป็นการแปรงฟันไม่สะอาดจนเกิดแบคทีเรียสะสม หรือบางคนแปรงฟันด้วยแรงที่มากเกินไป จนทำลายเคลือบฟันที่ช่วยปกป้องฟันจากการเสื่อมสภาพ

พฤติกรรมการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มในชีวิตประจำวันก็เป็นปัจจัยสำคัญที่เร่งให้ฟันผุได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลม ชา และกาแฟ ที่ไม่เพียงแต่มีน้ำตาล แต่ยังมีกรดที่ทำลายเคลือบฟัน หากไม่ควบคุมปริมาณน้ำตาลให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม อาจเป็นตัวเร่งให้ฟันเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

ฟันผุ โรคร้าย! อันตรายที่คืบคลาน

เนื่องจากการติดเชื้อที่เกิดจากฟันผุสามารถแพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ อันตรายของฟันผุจึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในช่องปากเท่านั้น แต่ยังเป็นภัยเงียบที่อาจก่อให้เกิดโรคร้ายแรงตามมา อาทิ เชื้อแบคทีเรียจากฟันผุ อาจทำให้ความสามารถในการควบคุมระดับน้ำตาลลดลง เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน

หรือหากเชื้อแบคทีเรียกระจายไปตามหลอดเลือด อาจเป็นผลให้เลือดไหลเวียนเข้าหัวใจได้น้อยลง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ นอกจากนี้ เชื้อแบคทีเรียที่ปะปนกับน้ำลายและไหลเข้าสู่ปอด อาจก่อให้เกิดอาการปอดติดเชื้อ และร้ายแรงที่สุด การอักเสบเรื้อรังและการติดเชื้อในช่องปากที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจส่งผลให้เนื้อเยื่อเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็งได้ในที่สุด

อย่ารอให้ฟันพัง ป้องกันก่อนสาย!

เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามจนสายเกินแก้ ควรดูแลช่องปากด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้

  • แปรงฟันอย่างถูกวิธี ด้วยยาสีฟันที่มี ฟลูออไรด์ โดยไม่บ้วนน้ำตาม เพื่อช่วยป้องกันฟันผุ เพราะการบ้วนน้ำตามจะทำให้เสียฟลูออไรด์จากการแปรงฟัน
  • เลือกใช้ น้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์ผสม หลังการแปรงฟัน แทนการบ้วนน้ำ เพื่อช่วยทำความสะอาดในส่วนที่การแปรงฟันเข้าไม่ถึง รวมทั้งช่วยเสริมฟลูออไรด์ในจุดที่เข้ายากแต่ผุง่าย เช่น ซอกฟัน พร้อมเสริมเกราะป้องกันฟันจากกรด ลดการสะสมของแบคทีเรีย และแนะนำ บ้วนเพิ่มเติมระหว่างวันเพื่อเพิ่มการสัมผัสฟลูออไรด์
  • ใช้ไหมขัดฟัน ทำความสะอาดซอกฟัน ลดการสะสมของคราบแบคทีเรีย
  • พบทันตแพทย์เป็นประจำ เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและป้องกันปัญหาก่อนลุกลาม

เห็นได้ว่าสุขภาพช่องปากที่ดีมีความสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมของร่างกาย หากละเลยและปล่อยให้ฟันผุรุนแรง อาจนำไปสู่โรคร้ายที่ไม่เพียงแต่กระทบต่อคุณภาพชีวิต แต่ยังอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้น “อย่ารอให้ฟันผุ อย่าปล่อยให้ฟันหลุด” ควรเริ่มต้นดูแลสุขภาพช่องปากตั้งแต่วันนี้ เพื่อรอยยิ้มที่มั่นใจไปตลอดชีวิต

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน