ชีวิตก็เท่านี้
หลอน
นทธี ศศิวิมล

สมพล เกิดมาพร้อมกับความยากจน ตั้งแต่เด็กแล้วเขาไม่เคยเห็นหน้าพ่อ แม่เลี้ยงเขามาคนเดียว ด้วยอาชีพกวาดถนนกินเงินเดือนเทศบาล สองแม่ลูกไม่เคยคิดว่าตนเองลำบาก ไม่เคยรันทดทดท้อกับการดำเนินชีวิต แม่เลี้ยงและสอนให้สมพลรู้จักค่าของเงินทุกบาททุกสตางค์ แม่เคยเก็บกระเป๋าสตางค์บนถนนได้หลายครั้งแต่ไม่เคยเก็บไว้กับตัว นำส่งเทศบาลให้ตามหาเจ้าของได้ทุกราย แม่มักจะช่วยคนชราบางคนที่อายุมากพาข้ามไปอีกฝั่งถนนอย่างปลอดภัย มีคราวหนึ่งช่วยคนที่เกิดอุบัติเหตุโดยไม่สนใจว่าเสื้อผ้าจะเปื้อนเลือด แถมเป็นพยานให้เจ้าทุกข์ถูกรถฝ่าไฟแดงชนจริงๆ ขณะเดินบนบาทวิถี ไม่ได้เป็นเพราะเดินลงถนนตัดหน้ารถอย่างที่เจ้าของรถกล่าวหา ทำให้ถูกเจ้าของรถอาฆาตมาดร้าย แม่บอกสมพลว่า

“ความดีนั้นทำไปเหอะ ไม่มีวันเน่า”

สมพล จึงเติบโตพร้อมกับความมีน้ำใจและกตัญญูรู้คุณ โดยเฉพาะกับแม่ หลังเลิกเรียนทุกวันเขาไม่เคยไปเที่ยวเตร่กับเพื่อนๆ เลิกเรียนแล้วก็ตรงมาช่วยแม่กวาดถนนจนเสร็จสรรพกลับบ้านด้วยกัน แถมกลับมาถึงบ้านก็ช่วยแม่ทำอาหาร ทำความสะอาดบ้านเสมอ ห้องเช่าเล็กๆ ห้องนั้นที่เรียกว่าบ้าน จึงเป็น “บ้าน” สำหรับแม่ลูกคู่นี้ทุกวัน

วัน นั้นฝนตกหนัก น้ำ(ขังรอการระบาย)ท่วมจนถึงหัวเข่า รถติดแหง็กบนถนนหน้าเทศบาล สมพลออกจากบ้านตรงมาช่วยคนข้ามถนน เพราะนอกจากน้ำบริเวณนั้นแรงมาก ยังมีท่อใหญ่ท่อหนึ่งที่ไม่มีฝาปิด สมพลเกรงคนไม่รู้จะเดินตกลงไป แม้จะเอากิ่งไม้มาปักไว้ในท่อแต่ที่ผ่านมาก็เคยมีคนเดินตกลงไปจนได้รับบาด เจ็บ

สมพลช่วยเด็กนักเรียนข้ามถนนหลายคนแล้ว ตอนที่รถยนต์โฟร์วีลส์คันหนึ่งวิ่งอย่างเร็วนอก จากไม่สนว่าน้ำจะกระเด็นเปรอะเปื้อนคนเดินถนน ยังพุ่งเข้าชนสมพลจนบาดเจ็บสาหัส

มีคนช่วยสมพลไปส่งโรงพยาบาล แต่เขาก็จากไปเสียแล้ว ท่ามกลางความโศกเศร้าของแม่ ไม่มีอะไรฉุดรั้งแม่ไว้ แม่ไม่อาจทำใจกับการสูญเสียลูกชายอันเป็นที่รักไปได้ แม่จมกับกองทุกข์ ไม่เป็นอันทำการงาน ถึงกระนั้นหัวหน้างานแม่จะเข้าใจ เพื่อนๆ จะช่วยกันปลอบขวัญ แต่ไม่อาจทำให้หัวใจอันเต็มไปด้วยกองทุกข์ลดขนาดลงได้ แม่ผ่ายผอมลงทุกวัน

คืนนั้นฝนตกหนัก จู่ๆ แม่ก็ออกจากบ้านตรงไปยังบริเวณท่อที่ยังไม่มีฝาปิด(ผ่านมาหลายปีแล้ว ฝาก็ยังไม่มี) แม่ยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อมองหาคนที่จะช่วยได้ ทว่าห้าทุ่มเที่ยงคืนแล้ว จะมีใครออกมาข้ามถนนยามดึกดื่นฝนตกหนักอย่างนี้เล่า แม่อยู่ตรงนั้นจนล่วงเข้าตีสองตีสามฝนหยุดตกไปนานแล้ว แม่จึงเข้าบ้านพร้อมกับอาการไข้หวัด ทำงานไม่ได้

ไข้ขึ้นสูง เพื่อนร่วมงานที่มาดูถึงห้องเพราะเห็นไม่ไปทำงาน จึงพาไปหาหมอ เพื่อนเฝ้าปลอบอยู่นานจนเพื่อนเบื่อไปเอง เมื่อแม่ไม่รับรู้ไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น หัวหน้าให้ลางานได้หนึ่งสัปดาห์ นี่ก็เข้าเวลานับเดือนแล้วที่สมพลจากไป

เพื่อนข้างห้องล้วนสงสาร พากันเข้ามาปลอบอกปลอบใจ ชวนคุยสารพัดเรื่อง ไม่พยายามพูดข้องแวะไปเกี่ยวกับสมพล ว่าเรื่องใดที่มีสมพลมาเกี่ยวข้องแม่จะตาโตหูผึ่งอยากฟังทันที

ด้วย ความสงสารเพื่อนคนหนึ่งจึงเล่าว่าเมื่อคืนสมพลมาเข้าฝัน บอกว่าคืนนี้ฝนจะตกหนักและจะมีเด็กคนหนึ่งตกท่อ ให้บอกแม่ว่าให้ออกไปช่วยแทนหนูด้วย

เธอพูดเล่นๆ พูดโกหกสร้างเรื่องไปเรื่อยๆ โดยไม่คิดอะไร ทว่าคืนนั้นฝนตกจริง แม่ออกไปยืนรอที่ท่อที่ยังไม่มีฝาปิดนั้น แล้วเพื่อนบ้านที่พากันตามออกไปสองสามคนก็เห็นว่ามีเด็กวัยรุ่นเดินผ่านมา จริงและเกือบตกท่อจริงๆ ด้วย

“ฉันพูดเล่นนะ แต่งเรื่องเอาตอนนั้น ไม่คิดด้วยซ้ำว่าฝนจะตก คนจะมาเดินตกท่อ ก็เห็นสมพลมันชอบช่วยคนตรงท่อนี้ประจำ”

เรื่องที่ไม่มีเหตุผล บางทีก็เกิดขึ้นจริงๆ เพื่อนข้างห้องเห็นสมพลจริงๆ

ดึก คืนนั้นฝนไม่ตกหรอก แต่มีผู้ชายขี่มอเตอร์ไซค์ชนกับรถยนต์แถวๆ ท่อที่ไม่มีฝานั่น เพื่อนข้างห้องบังเอิญผ่านไป และทันได้เห็นสมพลช่วยพยุงคนเจ็บให้ลุกขึ้นและกดโทรศัพท์แจ้งตำรวจ ก่อนจะเดินจากไป หนุ่มคนที่ได้รับการช่วยเหลือก็ยืนยันกับทุกคนว่าจริง พร้อมชี้ภาพสมพลจากรูปถ่ายได้ถูกต้อง

แม่สมพลถึงขั้นเพ้อกับข่าว คราวนี้ เธอลงทุนไปนั่งเฝ้า นอนเฝ้าบริเวณท่อไม่มีฝานั้น เพื่อจะเจอกับสมพลให้ได้ แต่เธอไม่เห็นเลย หลายคนว่าทำไมสมพลไม่ออกมาให้เห็นจริงๆ เล่า เพื่อแม่ที่คิดถึงจะได้สมหวังสักครั้ง

ผมกับเพื่อนข้างห้องนั่นแหละที่เห็นตรงกันว่าทำถูกแล้ว

แม่เห็นสมพลครั้งนั้น แม้จะเป็นเพียงครั้งเดียวที่เธอได้เห็นลูกอีกครั้ง แต่ก็ช่วยให้เธอไม่ต้องเศร้าอีกต่อไป

“สมพลมันบอกฉันว่า แม่ต้องอยู่ให้ได้นะ โดยไม่มีหนู”

เพื่อนข้างห้องบอกกับผมว่า

“มึงทำถูกแล้วที่ปลอมตัวไปบอก”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน