พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์

รัตนสูตร-สร้างขวัญกำลังใจ

พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ช่วงเย็นวันที่ 25 มี.ค.2563 เวลา 16.40 น. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลง ณ พระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ

ทรงนำพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์บทรัตนสูตร เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อประเทศ ให้ประชาชนมีขวัญกำลังใจมีสติในการใช้ชีวิตประจำวันให้ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

ในสมัยพุทธกาล การระบาดของโรค ก็เคยปรากฏ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าโปรดให้สวดมนต์บทรัตนสูตร เพื่อขจัด ปัดเป่าโรคร้าย และอุปัทวันตรายทั้งมวล ให้ประชาชนปลอดภัยจากโรคระบาด อันสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ขยายไปในวงกว้าง สร้างความตื่นตระหนกต่อประชาชน

องค์การอนามัยโลกรายงานการแพร่ระบาดของโรคติดต่อจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และมีการพบผู้ป่วยด้วยโรคไวรัสดังกล่าวในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย และได้ประกาศการแพร่ระบาดของไวรัสนี้เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ เพื่อให้ทั่วโลกเพิ่มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด

การนี้ คณะสงฆ์ทั่วราชอาณาจักร เจริญพระพุทธมนต์โดยพร้อมเพรียงกัน

ทั้งนี้ ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 8/2563 เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2563 มีมติเห็นควรให้วัดทั่วราชอาณาจักรและวัดไทยในต่างประเทศอัญเชิญบทรัตนสูตรมาเจริญพระพุทธมนต์ กำหนดดำเนินการวันที่ 25 มี.ค.2563 โดยมีวัดนำร่อง ดังนี้ ส่วนกลาง (กรุงเทพมหานคร) ประกอบด้วย วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดบวรนิเวศวิหาร วัดเทพศิรินทราวาส วัดไตรมิตรวิทยาราม วัดยานนาวา และวัดประยุรวงศาวาส

ส่วนภูมิภาค ประกอบด้วย เขตปกครองหนเหนือ วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ เขตปกครองหนตะวันออก วัดพระนารายณ์มหาราช จ.นครราชสีมา เขตปกครองหนใต้ วัดพระมหาธาตุ จ.นครศรีธรรมราช ให้วัดทุกวัดทั่วราชอาณาจักรและวัดไทยในต่างประเทศ เจริญพระพุทธมนต์บทรัตนสูตร หลังจากทำวัตรเย็นทุกวัน ณ วัดนั้นๆ จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

การจัดที่นั่งของพระสงฆ์และสามเณร ที่ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ให้ปฏิบัติ ตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นโรคระบาดใหญ่ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด คือต้องนั่งห่างกันประมาณ 1 เมตร

สำหรับ “บทรัตนสูตร” เป็นพระสูตรที่พระอานนทเถระเรียนจากพระพุทธองค์โดยตรง เพื่อใช้สวดขจัดปัดเป่าภัยพิบัติที่เกิดกับชาวกรุงเวสาลี พระพุทธองค์ทรงแนะนำให้พระเถระอ้างคุณของพระรัตนะ คือ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ทำสัจกิริยา ให้เกิดเป็นอานุภาพขจัดปัดเป่าภัยพิบัติทั้งหลาย

เนื้อความรัตนสูตรท่อนแรก เริ่มต้นด้วยการแนะนำให้เหล่าภูตทั้งหลายได้อนุโมทนาบุญกุศลที่หมู่มนุษย์อุทิศให้ และเมื่ออนุโมทนาแล้ว ขอให้เกิดความเมตตา ทำการรักษามนุษย์ทั้งหลาย

เนื้อความท่อนต่อมา เป็นการอ้างคุณพระรัตนตรัยเป็นสัจวาจา ให้เกิดความสวัสดี

ส่วนท่อนสุดท้าย เป็นคำกล่าวของท้าวสักกะที่ผูกขึ้นเป็นคาถาพรรณนา คุณพระรัตนตรัยเป็นสัจวาจาให้เกิดความสวัสดี ภายหลังได้กลายเป็นแบบอย่างในการทำน้ำพระพุทธมนต์สำหรับพระสงฆ์สาวกต่อมาจนถึงปัจจุบันทุกครั้งที่มีการทำน้ำพระพุทธมนต์จะต้องสวดรัตนสูตร

ด้วยอานุภาพแห่งรัตนสูตรนี้ แม้กรุงเวสาลีจะเกิดภัยพิบัติอย่างร้ายแรง ผู้คนอดอยากล้มตายเป็นจำนวนมาก ซากศพ ถูกทิ้งเกลื่อนนคร ภูตผีปีศาจทำอันตรายแก่หมู่มนุษย์ โรคระบาดเกิดขึ้นแพร่กระจายไปทั่ว ผู้คนล้มตายเหลือที่จะนับได้ เมื่อพระพุทธองค์มีพระดำรัสให้พระอานนทเถระสวดรัตนสูตร และประพรมน้ำพระพุทธมนต์ ภัยพิบัติร้ายแรงเช่นนี้ก็ยังระงับลงได้อย่างฉับพลัน

จุดประสงค์ของการสวดรัตนสูตร ก็เพื่อเป็นการขจัดภัยทั้ง 3 ประการ ตามที่ปรากฏในพระสูตร คือ ข้าวยากหมากแพง (ทุพภิกขภัย) ภูตผีปีศาจ ทำอันตราย (อมนุสสภัย) และโรคภัย ไข้เจ็บ (โรคภัย) ให้อันตรธานไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน