เมื่อเร็วๆ นี้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมเปิดโครงการดูแลสุขภาพพระภิกษุและสามเณร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมี สมเด็จพระมหาธีราจารย์ (ปสฤทธ์ เขมังกโร) กรรมการมหาเถรสมาคม, พระครูปลัดสุวัฒนรัตนคุณ เจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง), นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย, นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี คณะสงฆ์ ข้าราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และประชาชน จำนวน 5,000 คน เข้าร่วมพิธี พร้อมกันนี้ได้มีพิธีอัญเชิญพระพุทธรูปปางพยาบาลภิกษุอาพาธ ที่สร้างขึ้นโดยอ้างอิงพุทธประวัติตอนหนึ่ง เพื่อประดิษฐาน ที่บริเวณกุฎิชีวาภิบาล วัดจันทาราม (ท่าซุง) จ.อุทัยธานี

ข่าวสดพระเครื่อง

ข่าวสดพระเครื่อง

นพ.ชลน่านกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนการดูแลสุขภาพพระภิกษุสงฆ์ สามเณร ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสุขภาพทางกาย ทางจิต ทางปัญญาและทางสังคมที่ดี เพื่อช่วยเกื้อหนุนกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพของทั้งพระภิกษุ-สามเณร และพุทธศาสนิกชนในชุมชน ให้ “วัดเป็นศูนย์กลางสุขภาพชุมชน” โดยจากข้อมูลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ปี 2564 ทั่วประเทศมีวัดกว่า 43,000 แห่ง พระสงฆ์-สามเณร ประมาณ 2.4 แสนรูป ในจำนวนนี้ กว่าร้อยละ 50 อยู่ในวัยสูงอายุ อาพาธโรคเรื้อรัง รวมถึงอาพาธระยะท้าย ซึ่งการดูแลส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การรักษาพยาบาล การควบคุมโรคและการจัดการปัจจัยที่คุกคามสุขภาพพระสงฆ์ จะต้องเป็นไปตามหลักพระธรรมวินัยและตามธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ พ.ศ. 2566

ข่าวสดพระเครื่อง

ข่าวสดพระเครื่อง

เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 72 พรรษา ในปี พ.ศ. 2567 กระทรวงสาธารณสุขจึงได้จัดทำโครงการดูแลสุขภาพพระภิกษุสงฆ์และสามเณร เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานดูแลสุขภาพพระภิกษุสงฆ์แบบบูรณาการ โดยร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ผลักดันความร่วมมือในระดับนโยบายจนถึงระดับปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนสร้างกลไกการดำเนินงานให้เอื้อต่อการดูแลสุขภาพพระภิกษุสงฆ์ในระดับพื้นที่ครอบคลุมทั้งการให้ความรู้ส่งเสริมสุขภาพ, การดูแลรักษาพยาบาลในสถานพยาบาล, การเข้าถึงสิทธิการรักษา และการจัดตั้งกุฏิชีวาภิบาลและสถานชีวาภิบาลสำหรับดูแลพระสงฆ์อาพาธ เป็นต้น โดยมีเป้าหมายจัดตั้งกุฏิชีวาภิบาล อำเภอละ 1 แห่ง ซึ่งปัจจุบัน มีกุฏิชีวาภิบาล/บ้าน ชีวาภิบาล ที่พร้อมดำเนินการแล้ว 788 แห่งทั่วประเทศ

ข่าวสดพระเครื่อง








Advertisement

นพ.โอภาส กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานดูแลสุขภาพพระภิกษุสงฆ์ 8 โครงการได้แก่ 1.วัดส่งเสริมสุขภาพและพระนักเทศน์ สนับสนุนให้พระภิกษุสงฆ์ มีความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health literacy) ตามหลักพระธรรมวินัย 2.การตรวจสุขภาพและส่งเสริม การปรับพฤติกรรมสุขภาพที่พึงประสงค์ของพระภิกษุสงฆ์ 3.การอบรมพระคิลานุปัฏฐาก หลักสูตร 140 ชั่วโมง ดูแลพระสงฆ์และประชาชนในชุมชนบริเวณรอบพื้นที่วัดที่เจ็บป่วยเบื้องต้น 4.การจัดระบบการรักษาพระภิกษุสงฆ์และช่องทางเฉพาะ (Fast track) ให้ได้รับบริการที่มีคุณภาพ 5.จัดตั้งกุฏิชีวาภิบาลและสถานชีวาภิบาล ดูแลพระสงฆ์อาพาธ และขึ้นทะเบียนวัดที่จัดบริการเป็นหน่วยรับส่งต่อ 6.การเพิ่มสิทธิประโยชน์พระสงฆ์ในการเข้าถึงบริการ 7.การจัดทำฐานข้อมูลสุขภาพพระภิกษุสงฆ์ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว 8.การดูแลสุขภาพพระภิกษุสงฆ์ ณ ดินแดนพุทธภูมิ โดยทีมแพทย์ พยาบาล และเภสัชกร จัดบริการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกร่วมกับการแพทย์แผนปัจจุบัน

ข่าวสดพระเครื่อง

โอกาสนี้ นพ.ชลน่าน เป็นประธานพิธีเปิดกุฏิชีวาภิบาลวัดจันทาราม (ท่าซุง) ซึ่งเดิมเป็นตึกรับรองพระเถระที่ก่อสร้างในปี พ.ศ.2545 ได้ทำการปรับปรุงเป็นที่พักของพระเถระ และดูแลพระสงฆ์อาพาธที่เอื้อต่อพระธรรมวินัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มพระสงฆ์ที่มีภาวะพึ่งพิง มีพระสงฆ์เป็นผู้ดูแล ร่วมกับฆราวาส นักบริบาลและทีมสหวิชาชีพของ รพ.สต.น้ำซึม และร.พ.อุทัยธานี โดยนำนวัตกรรม Virtual Hospital มาใช้ ปัจจุบันมีห้องรองรับพระสงฆ์อาพาธ จำนวน 10 ห้อง และมีแผนที่จะสร้างกุฏิชีวาภิบาลหลังใหม่ด้วย

พชร พัสกุล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน