วันที่ 13 พ.ค. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระบรมราชโองการ ประกาศสถาปนาสมณศักดิ์ ระบุ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการ โปรดสถาปนาพระธรรมพัชรญาณมุนี ขึ้นเป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรอง มีราชทินนามตามที่จารึกในหิรัญบัฏว่า พระพรหมพัชรญาณมุนี ศรีวิปัสสนาธุราจารย์ ไพศาลวิเทศศาสนกิจ วิสิฐสีลาจารดิลก สาธกธรรมวิจิตร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี สถิต ณ สถานพำนักสงฆ์บ้านไร่ทอสี จ.นครราชสีมา มีฐานานุศักดิ์ตั้งฐานานุกรมได้ 8 รูป

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค.2567 ประกาศ ณ วันที่ 13 พ.ค.2567

พระพรหมพัชรญาณมุนี (ฌอน ไมเคิล ชิเวอร์ตัน ชยสาโร) สิริอายุ 66 ปี พรรษา 44 สถานพำนักสงฆ์บ้านไร่ทอสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เป็นพระฝรั่งศิษย์พระโพธิญาณเถร หรือหลวงพ่อชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง พระวิปัสสนาจารย์ชื่อดัง อีกทั้งยังเป็นพระเถระชาวต่างชาติรูปที่ 2 ต่อจากพระพรหมวชิรญาณ (โรเบิร์ต คาร์ แจ็คแมน สุเมโธ) วัดอมราวดี สหราชอาณาจักร ที่ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองรูปแรก ฝ่ายวิปัสสนาธุระ

มีนามเดิมว่า ฌอน ไมเคิล ชิเวอร์ตัน (Shaun Michael Chiverton) เกิดที่ประเทศอังกฤษ เมื่อพ.ศ.2501

ในช่วงวัยเยาว์มีสุขภาพไม่ดี มีอาการหอบหืด ต้องหยุดโรงเรียนบ่อย แต่ก็ได้ใช้เวลาในการศึกษาด้วยตนเอง มีผลการเรียนที่ดีเยี่ยม จนบิดามีความหวังให้เข้าสอบชิงทุนเพื่อเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในสหราชอาณาจักร

ขณะศึกษาอยู่ได้มีโอกาสอ่านหนังสือมากมาย กระทั่งพบคำสอนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดความเลื่อมใสศรัทธาว่าเป็น “สัจธรรมความจริง” ที่กำลังแสวงหาอยู่ จึงสนใจการฝึกจิตและศึกษาหาความรู้ทางพุทธศาสนาตั้งแต่อยู่ในวัยรุ่น

ทำงานเก็บเงินระหว่างที่กำลังเรียน และออกเดินทางหาประสบการณ์ในประเทศต่างๆ ตั้งแต่อายุ 17 ปี ใช้เวลา 2 ปีจนแน่ใจว่าการศึกษาและปฏิบัติธรรมเป็นหนทางที่ต้องการแทนการเรียนต่อในมหาวิทยาลัย

พ.ศ.2521 ได้พบและเริ่มปฏิบัติธรรมกับอาจารย์สุเมโธ (ต่อมาได้รับสถาปนาสมณศักดิ์ที่พระพรหมวชิรญาณ) พระชาวต่างชาติรูปแรกที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อชา สุภัทโท ที่วิหารแฮมสเตด ประเทศอังกฤษ และถือเพศเป็นอนาคาริก (ผ้าขาว) อยู่กับพระอาจารย์สุเมโธ ถือศีล 10 เป็นเวลา 1 พรรษา แล้วเดินทางมายังประเทศไทย

พ.ศ.2522 บรรพชาที่วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

พ.ศ.2523 เข้าพิธีอุปสมบท โดยมีพระโพธิญาณเถร เป็นพระอุปัชฌาย์

ทั้งนี้ ก่อนเดินทางมาประเทศไทยตั้งใจว่าจะอยู่ที่วัดหนองป่าพงให้ครบ 5 ปีโดยไม่มีเงื่อนไข เพื่อศึกษาปฏิบัติธรรม ครั้นเมื่อพบหลวงพ่อชาเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในปฏิปทาและความเป็นครู ที่มีทั้งเมตตา และปัญญาในการสอนอย่างลึกซึ้ง จึงสามารถทนต่อความยากลำบากในการปรับตัวให้เข้ากับการใช้ชีวิตแบบพระวัดป่าที่เข้มงวดในวินัยและการฝึกปฏิบัติตามรอยพระพุทธเจ้า และการอยู่ร่วมกับคณะสงฆ์ชาวไทยจนเกิดความก้าวหน้า

แม้ว่าจะเป็นชาวต่างชาติ แต่เรื่องภาษาไม่ใช่อุปสรรค ด้วยเชื่อว่าภาษาพื้นฐานคือ บาลี สันสกฤต ซึ่งทั้งคนไทยและต่างชาติต้องเริ่มเรียนรู้เหมือนกัน ภาษามีความยากพอกัน แต่คนไทยอาจจะง่ายกว่าที่ศัพท์ไทย มีบาลีสันสกฤต จึงต้องพยายามและขยันมาก โดยใช้วิธีการท่องตัวอักษรจนกระทั่งอ่านได้ จากนั้นอ่านศัพท์ในดิกชันนารี อีกทั้งอยู่กับครูบาอาจารย์ ปฏิบัติธรรมไปด้วย พิสูจน์ไปด้วย

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554 สภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ประกาศว่าเป็นพระเถระที่ได้บำเพ็ญหิตานุหิตประโยชน์แก่สังคม ประเทศชาติ พระพุทธศาสนา และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเป็นอเนกประการ ควรแก่การยกย่องประกาศเกียรติคุณ

จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ถวายปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาธรรมนิเทศ เพื่อประกาศเกียรติคุณให้ปรากฏไพศาล เป็นทิฏฐานุคติแก่อนุชนสืบไป

พ.ศ.2563 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นไทยเป็นกรณีพิเศษตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2563

ลำดับสมณศักดิ์ วันที่ 28 ก.ค.2562 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่พระราชพัชรมานิต

วันที่ 17 ก.ค.2563 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่ พระเทพพัชรญาณมุนี

วันที่ 7 ก.ค.2564 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่ พระธรรมพัชรญาณมุนี

ล่าสุด วันที่ 13 พ.ค.2567 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรอง ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่ พระพรหมพัชรญาณมุนี

กล่าวได้ว่าเป็นพระฝรั่งผู้แตกฉานในพระพุทธศาสนา ถ่ายทอดหลักธรรมเป็นภาษาไทยอย่างลึกซึ้ง เข้าใจง่าย และเป็นที่ประทับใจต่อพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน