เมื่อเร็วๆ นี้ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมด้วยคณะทำงาน และผู้ติดตาม เข้ากราบสักการะ องค์พระศรีศากยะทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ ก่อนเดินทางเข้าสู่อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เพื่อประชุมหารือข้อราชการ และมอบนโยบายในการดำเนินงานแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
มีนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ให้การต้อนรับ ณ อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม
ในส่วนของนโยบายที่นายชูศักดิ์ มอบนโยบายการดำเนินงานไว้ดังนี้
1.การดูแลคุ้มครองพระพุทธศาสนา และป้องกันการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา
2.การจัดการเรื่องปัญหาที่ดินวัด โดยจะดำเนินตั้งคณะกรรมการระดับชาติ ที่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาเป็นกรรมการ เพื่อดูแลและจัดการปัญหาที่ดินวัด
3.แนวทางการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา
4.การเผยแผ่พระพุทธศาสนา พร้อมทบทวนกฎ ระเบียบให้มีความเหมาะสม และเป็นประโยชน์กับประชาชน
5.การปรับโครงสร้างสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
6.การดูแลวัดและศาสนสมบัติ เพื่อให้วัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน มีความร่มรื่น เป็นที่พึ่งของชุมชน
7.การสนองนโยบาย เรื่องรัฐบาล Digital ให้นำมาใช้กับการบริหารงานและการดำเนินงานของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เช่น การทำทะเบียนของพระสงฆ์
สรุปนโยบายหลักที่สำคัญ คือ เน้นคุ้มครองพระพุทธศาสนาตามรัฐธรรมนูญ แก้ไขปัญหาที่ดินวัด และการสร้างกฎระเบียบ กติกา การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา วัดให้มีความเหมาะสม เกิดประโยชน์กับประชาชน
นายชูศักดิ์กล่าวมอบนโยบายการดำเนินงานว่า ถือเป็นการกลับมาทำหน้าที่กำกับดูแลสำนักพุทธฯ อีกครั้งนับจากปี พ.ศ.2551 ซึ่งเป็นหน้าที่ที่มีความสำคัญ โดยได้มอบนโยบายเร่งด่วน ประกอบด้วย การจัดมาตรการป้องกันการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา สอดส่องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับหลักธรรมคำสอนทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อให้ทุกจังหวัดดูแลอย่างจริงจัง การแก้ไขปัญหาที่ดินวัด ที่ดินทับซ้อน โดยอยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการระดับชาติ ซึ่งจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ร่วมเป็นคณะกรรมการคาดว่าการยกร่างจะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า เพื่อให้นายกรัฐมนตรีลงนามแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ
การจัดแนวทางการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาใหม่ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น การปรับปรุงแบบแผนประเพณีให้เน้นแก่นของพระพุทธศาสนา การดูแลศาสนสมบัติ เพื่อให้วัดกลับมาเป็นศูนย์รวมจิตใจและการจัดกิจกรรมของชุมชน การบูรณะรอยร้าวขององค์พระประธานพุทธมณฑล และการขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัลบูรณาการการทำงานร่วมกัน การใช้ระบบไอที การทำงานทะเบียนของพระสงฆ์
ด้านนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักพุทธฯ กล่าวว่า ในปี 2568 สำนักพุทธฯ ได้รับการจัดสรรงบประมาณรวมกว่า 5,400 ล้านบาท โดยร้อยละ 80 เป็นเงินอุดหนุนแก่คณะสงฆ์ ซึ่งปัจจุบันมีคณะสงฆ์ทั่วประเทศรวม 273,298 รูป ล่าสุดได้จัดเก็บข้อมูลพระสงฆ์ทั่วประเทศเชื่อมระบบกับกรมการปกครองแล้วเสร็จกว่าร้อยละ 90 ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการรับสวัสดิการของรัฐ ระบบการรักษาพยาบาล และการตรวจสอบประวัติอาชญากร ทั้งมีการจัดโครงการดูแลพระสงฆ์อาพาธ (พระคิลานุปัฏฐาก) โครงการอารามภิรมย์ซึ่งมีวัดนำร่อง 361 วัด และการดำเนินการศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ 1374 ด้วย