“หลวงพ่อเดิม พุทธสโร” หรือ “พระครูนิวาสธรรมขันธ์” วัดหนองโพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ พระเกจิชื่อดังภาคกลางตอนบน ได้รับการขนานนามและยกย่องเป็น “เทพเจ้าแห่งเมืองสี่แคว”
เกิดในสกุล ภู่มณี เมื่อวันศุกร์ที่ 8 ก.พ.2403 ช่วงวัยเยาว์ก่อนอุปสมบทนั้น บิดามารดานำเข้าไปหาพระหาวัด ซึ่งการศึกษาของชาวหนองโพในตอนนั้นมีศูนย์กลางคือวัดหนองโพ
กระทั่งเมื่ออายุครบบวช เข้าพิธีอุปสมบทที่พัทธสีมาวัดเขาแก้ว อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 ต.ค.2423 มีหลวงพ่อแก้ว วัดอินทาราม (วัดใน) เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อเงิน วัดพระปรางค์เหลือง ต.ท่าน้ำอ้อย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล ต.สระทะเล เป็นพระอนุศาสนาจารย์
ได้รับฉายาว่า พุทธสโร
จากนั้นเดินทางกลับมาจำพรรษาอยู่ ที่วัดหนองโพ เพื่อศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมตามแนวทางพระนวกะ ตั้งต้นศึกษาหาความรู้เป็นการใหญ่ รวมทั้งท่องบ่นพระคัมภีร์ต่างๆ
นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาวิทยาคมกับนายพัน ชูพันธ์ ผู้ทรงวิทยาคุณอยู่ในบ้านหนองโพ หลังนายพันธ์ถึงมรณกรรม ได้ไปศึกษาเล่าเรียนกับหลวงพ่อมี ที่วัดบ้านบน ต.ม่วงหัก อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์
เดินทางไปเรียนวิปัสสนากับหลวงพ่อเงิน วัดพระปรางเหลือง อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์
หลังจัดสร้างวัตถุมงคลมากมายหลายรุ่น จนเป็นที่เลื่องลือมากในเรื่องของความขลัง มีผู้เข้าไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์จำนวนมาก
รวมถึงขอให้รดน้ำมนต์ แป้งผง น้ำมัน ตะกรุด และผ้าประเจียด
ที่แพร่หลายที่สุดคือ แหวนเงินหรือนิกเกิล และผ้ารอบฝ่าเท้า ผ้าประเจียด เกียรติคุณเป็นที่เลื่องลือ
นอกจากนี้ ยังเป็นพระนักพัฒนาสร้างถาวรวัตถุในวัดมากมาย อาทิ สร้างกุฏิหลังแรกที่ใช้ฝาไม้กระดาน สร้างศาลาการเปรียญ สร้างโรงอุโบสถ และสร้างพระเจดีย์ 3 องค์ มีกำแพงแก้วล้อมรอบไว้ตรงหน้าอุโบสถ เป็นต้น
ต่อมาได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระครูนิวาสธรรมขันธ์ รองเจ้าคณะแขวงเมืองนครสวรรค์ ในวันที่ 30 ธ.ค.2457
พ.ศ.2462 ได้รับตราตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์
ปฏิบัติศาสนกิจในหน้าที่มาตลอดเวลา 20 ปี กระทั่งล่วงเข้าวัยชรามาก คณะสงฆ์ได้เลื่อนหลวงพ่อขึ้นตำแหน่งกิตติมศักดิ์
อย่างไรก็ตาม หลังกลับจากการเป็นประธานงานก่อสร้างโบสถ์ในวัดอินทาราม ต.พยุหะ อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ เริ่มอาพาธและมีอาการหนักขึ้น บรรดาศิษยานุศิษย์ต่างพากันมาห้อมล้อมพยาบาล และเฝ้าอาการกันเนืองแน่น
ในที่สุด ละสังขารอย่างสงบ สิริอายุ 92 ปี พรรษา 71 จัดพิธีพระราชทานเพลิงในวันที่ 30 ส.ค.2494
วัดหนองโพสร้างมณฑปที่ประดิษฐานรูปหล่อโลหะรูปเหมือนขนาดเท่าจริง จัดงานทำบุญประจำปี ปิดทองไหว้พระรูปเหมือนวันขึ้น 13 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี
เมื่อครั้งยังมีชีวิต จัดสร้างวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลัง ล้วนแต่ได้รับความนิยม อาทิ เหรียญ นางกวัก ฯลฯ
ศึกษาวิชามีดหมอจากหลวงพ่อขำ วัดเขาแก้ว อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ต่อมาสร้างมีดหมอขึ้นมา
ยุคแรก สร้างมีดเล่มใหญ่ให้แก่ ควาญช้าง ซึ่งมีขนาดทั้งด้ามทั้งฝักยาวประมาณหนึ่งศอก ต่อมาจึงทำมีดให้มีขนาดเล็กลง ขนาดพอพกได้พอดีจนมาถึงมีดขนาดเล็ก พกใส่กระเป๋าเสื้อได้ในที่สุด
เนื้อเหล็กที่นำมาใช้ตีเป็นมีด จะมีส่วนผสมประกอบด้วยตะปูสังฆวานร ซึ่งเป็นตะปูในสมัยโบราณที่ใช้ยึดเครื่องไม้ในพระอุโบสถแทนตะปู ตะปูโลงผีที่สัปเหร่อเผาแล้วเก็บไว้ บาตรแตกชำรุด และเหล็กน้ำพี้ นำมาเป็นส่วนผสมใช้ตีมีด
สำหรับช่างที่ตี เท่าที่ทราบเป็นฝีมือช่างฉิม ช่างไข่ และช่างสอน ซึ่งแต่ละช่างจะมีเอกลักษณ์ของตัวมีดต่างกันไป เมื่อช่างทำใบมีดเสร็จแล้วจะส่งต่อให้ช่างทำด้ามและฝักทำต่อส่วนที่เป็นตัวด้าม ถ้ามีดเล่มใหญ่จะมีด้ามเป็นงา และฝักเป็นไม้คูน ส่วนเล่มเล็กจะมีด้ามเป็นงาและฝักเป็นงา
จากนั้นส่งต่อไปให้ช่างทำเงินทำที่รัดปลอกมีดและด้ามมีด ช่างจะทำเงิน ทองหรือนากตามที่กำหนด โดยส่วนมากจะเป็นเงินเพียงอย่างเดียว
เมื่อทุกอย่างเสร็จ จะนำมาประกอบที่วัดหนองโพ โดยหลวงพ่อเดิมจะทำ ผงอิทธิเจไว้ให้ ผสมกับเส้นเกศาของหลวงพ่อที่ปลงในวันขึ้น 15 ค่ำ และแผ่นตะกรุด ที่เป็นเงิน ทอง นาก เป็นแผ่นเล็ก ลงอักขระ ตัดพอดีกับตัวกั้นของมีด บรรจุลงไปในด้ามมีดอุดด้วยครั่งจนแน่น หลังจากนั้นจึงนำมีดหมอไปปลุกเสกอีกครั้ง
ปัจจุบันของแท้หายากมาก