ต้นแบบ ปฏิมาของดาวเด่น นักปราศรัยแห่ง อนาคตใหม่

คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

ต้นแบบ ปฏิมาของดาวเด่นขณะที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เคยแสดงความปรารถนาว่า อยากจะพูดให้ได้เหมือนกับที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ปราศรัย ณ เบื้องหน้าประชาชน

หลังผ่านการประชุมรัฐสภา 3 วัน 2 คืน

นายปิยบุตร แสงกนกกุล ก็เดินไปขอจับมือ นายสุทิน คลังแสง หลังสรุปการอภิปรายในตอนเช้า ของวันที่ 27 กรกฎาคม ด้วยความชื่นชมยินดี

และบอกว่า นี่คือวิธีปราศรัยที่พรรคอนาคตใหม่อยากได้อยากมี

ไม่ว่าท่วงทำนองในแบบของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไม่ว่าท่วงทำนองในแบบของ นายสุทิน คลังแสง ถือได้ว่าเป็นท่วงทำนองการอภิปรายในแบบมวลชน

การปราศรัยในท่วงทำนองของ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และของ นายสุทิน คลังแสง มิได้เป็นเรื่องของโวหารอันมากด้วยอารมณ์และความร้อนแรง

ตรงกันข้าม ดำเนินไปด้วยความสุขุม นุ่มลึก

ตรงกันข้าม ภายในความสุขุม นุ่มลึก ยังอุดมไปด้วยเนื้อหาอันเข้มข้น โวหารอันเปล่งออกมาในแต่ละคำจึงมิได้เป็นไปอย่างเปล่ากลวง

ตรงกันข้าม เป็นไปอย่างมีการสังเคราะห์

เป็นการสังเคราะห์อย่างที่มีการอุปมาเหมือนกับบรรดาโคควายทั้งหลายที่แม้จะกินหญ้าเป็นอาหารแต่ก็แปรเป็นเนื้อ แปรเป็นนมให้ประโยชน์กับคน

ไม่ว่าความชมชอบจาก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ต่อ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไม่ว่าความชมชอบจาก นายปิยบุตร แสงกนกกุล ต่อ นายสุทิน คลังแสง

เท่ากับเป็นต้นแบบเท่ากับเป็นปฏิมา

ความหมายจึงหมายความว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พยายามเรียนรู้จาก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ขณะที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล พยายามเรียนรู้จาก นายสุทิน คลังแสง

ถือเป็นปฏิมาถือเป็นต้นแบบ

ในเมื่อเป็นคำพูดของหัวหน้าพรรค ในเมื่อเป็นคำพูดของเลขาธิการพรรค จึงเท่ากับเป็นอนุสาสน์หรือคำชี้แนะต่อภายในพรรคอนาคตใหม่อย่างสำคัญยิ่ง

ถามว่าเหตุอะไรจึงต้องยกตัวอย่างของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เหตุอะไรจึงต้องยกตัวอย่างของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ขึ้นมา

ทั้งๆ ที่สังคมกำลังชื่นชมกับหลายดาวรุ่งจากพรรคอนาคตใหม่

คำตอบก็คือ สะท้อนให้เห็นท่วงทำนองอ่อนน้อมถ่อมตนและพยายามเรียนรู้จากนักการเมืองรุ่นก่อนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของพรรคอนาคตใหม่

หากไม่อ่อนน้อมถ่อมตนก็ไม่อาจเรียนรู้จากคนอื่นได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน