คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
หลังจากเมืองหลวงสงบสงัดอยู่หลายวัน ถนนหนทางโล่งสบาย ในช่วงเทศกาลหยุดยาวปีใหม่ที่ผ่านมา จนทำให้คนกรุงเทพฯบางรายหรือบางกลุ่มความคิด เผลอแสดงอารมณ์ส่วนลึกทางโซเชี่ยลมีเดีย ด้วยความพึงพอใจที่ “พวกบ้านนอกกลับต่างจังหวัดไปหมดแล้ว”
แต่วันนี้ กรุงเทพฯกลับมาแออัดเหมือนเดิมอีกแล้ว
สงสัยจะมีคนเผลอบ่นรำคาญ “เฮ้อ พวกบ้านนอกกลับมาทำให้กรุงเทพฯวุ่นวายอีกแล้ว” อะไรทำนองนั้น
ความจริงความคิดแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่
ไม่เช่นนั้นเราจะมีกรณีหนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์กราบรถเก๋งหรือ
ไม่เช่นนั้นจะปรากฏคลิปร้อนๆ ที่หนุ่มขี่รถหรูปาดกับแท็กซี่ แล้วลงมามองหน้าพร้อมคำพูด “อ๋อ คนอีสาน ไปเรียนหนังสือให้มากๆ นะ”
ไปจนถึงการแสดงทัศนะของนักพูดรับใช้รัฐ ที่ทำให้คนอีสานเดือดกันทั้งภาค!
หรือหลายปีก่อน เมื่อกลุ่มสมัชชาคนจนประกาศเคลื่อนพลเข้ามา เพื่อทวงวิถีชีวิตการหาอยู่หากินกับธรรมชาติกลับคืนมา
ก็มีคนกรุงบางกลุ่มความคิด แสดงความหงุดหงิดว่า ทำไมต้องเดินทางมาทำให้รถในกรุงเทพฯต้องติดเพิ่มขึ้นอีก
ตอนเสื้อแดงชุมนุมใหญ่เมื่อปี 2552, 2553 ก็มีชนชั้นชาวเมืองหลวง เขียนจดหมายเปิดผนึก ขอพื้นที่กรุงเทพฯเป็นของคนกรุงเทพฯได้หรือไม่
เหล่านี้ เป็นเรื่องของการสร้างทัศนคติทางชนชั้น อันผิดๆ
ทั้งแบบพื้นๆ คือ ถือดีว่าตนเองเป็นคนเมืองเจริญ แล้วเหยียดคนบ้านนอก
ไปจนถึงการครอบงำทางความคิดการเมือง ที่พยายามทำให้สิทธิเสียงของคนภูมิภาค ถูกกดเอาไว้!
ดังเช่น กรณีม็อบนกหวีด ที่แกนนำบางคน ชูประเด็นต่อต้านระบบเลือกตั้ง ให้รื้อใหม่ ไม่เอาแล้วที่คนต่างจังหวัดจะมี 1 เสียงเท่าชนชั้นสูงในเมืองหลวง
ที่หลุดตัวตนออกมาชัดๆ ก็มี ด้วยการกล่าวหาเลยว่า คนต่างจังหวัดยังมีความรู้น้อย จึงยังไม่เข้าใจประชาธิปไตยดีพอ
แล้วม็อบนี้แหละ ที่นำมาสู่การล้มประชาธิปไตย
เรียกร้องให้ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง คือ ยังไม่ต้องมีเลือกตั้งไปอีกยาวนาน พร้อมกับเขียนกฎกติกาใหม่ เพื่อทำให้นักการเมืองหรือผู้แทนราษฎร ตัวแทนของประชาชน ถูกพันธนาการไว้ทุกด้าน
แถมยังเคยเสนอวิธีพิลึกพิลั่นคือ คนความรู้น้อย ไม่ควรมีเสียงทางการเมืองเท่าคนระดับปริญญา ด๊อกเตอร์
พวกนี้พูดเหลือเกินว่าต้องมีประชาธิปไตยแบบไทยๆ เราเอง
คงรังเกียจประชาธิปไตยปกติ ที่เคารพสิทธิของคนทุกชนชั้น เพราะมี 1 สิทธิ 1 เสียงเท่าเทียมกัน
ล่าสุดที่พยายามเลื่อนวันออกไป
คงมีคนบางกลุ่มความคิดดีใจ ที่พวกบ้านนอกจะได้ไม่มีสิทธิเสียงเร็วนัก!